นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) กล่าวว่า บริษัทกำลังศึกษาการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนในหน่วยผลิตอะโรเมติกส์ หน่วยที่ 1 (AR2) เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 540,000 ตันต่อปี และหน่วยผลิตอะโรเมติกส์ หน่วยที่ 2 (AR3) อีกประมาณ 10% จากกำลังการผลิต 655,000 ตันต่อปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มาก
ทั้งนี้ โครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนดังกล่าว ยังไม่ได้รวมอยู่ในแผนการลงทุนรวม 5 ปี (53-57) ที่มีวงงินลงทุนรวมทั้งหมด 358 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการศึกษาการลงทุนโครงการผลิตน้ำมันดีเซลคุณภาพสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(Green Diesel)ที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐอาจต้องใช้เวลานาน และอาจไม่ทันภายในปี 55 ตามที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากต้องรอให้ตลาดมีความต้องการเพียงพอที่จะรองรับกำลังการผลิตเสียก่อน โดยกระทรวงพลังงานจะต้องมีความชัดเจนในการประกาศใช้ไบโอดีเซล บี10 (น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลบี 100 ในสัดส่วน 10%)เพราะหากยังไม่มีตลาดภายในประเทศรองรับก็ต้องมีการส่งออก ดังนั้นอาจจะไม่คุ้มทุน
นายบวร กล่าวว่า โครงการลงทุนที่กำลังศึกษาใหม่จะต้องนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และหากได้รับความเห็นชอบก็จะมีการนำมาบรรจุในแผน 5 ปีใหม่เพื่อปรับแผนธรกิจ ซึ่งแผน 5 ปีส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 4 ที่ใช้เงินลงทุน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยช่วงปีนี้ใช้เงินไปแล้ว 111 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ปีหน้าจะใช้เงินอีก 66 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการนี้จะแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ย.54 ส่วนที่เหลือเป็นการปรับปรุงการผลิตในโรงงานเพื่อให้ได้ผลิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ การลงทุนในอนาคตของบริษัท นอกจากจะลงทุนเองแล้ว ยังอาจจะใช้วิธีร่วมลงทุนกับพันธมิตร หรือเข้าซื้อกิจการ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
สำหรับผลประกอบของบริษัทในปีนี้ นายบวร คาดว่า จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน โดยในไตรมาส 3/53 ช่วงเดือนก.ค.และ ส.ค.นั้นสถานการณ์ราคาน้ำมันไม่ค่อยดี และความต้องการใช้ลดลง แต่เริ่มมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. ทำให้ผลประกอบการน่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/53 ส่วนไตรมาส 4/53 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53 เพราะเป็นช่วงที่มีการใช้น้ำมันสูงมาก
นายบวร กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 75-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในปีหน้าคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 80-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดิบในปีนี้จะอยู่ที่ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน และปีหน้าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ยังมีการเติบโตของการใช้น้ำมันดิบมากขึ้น ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจึงยังมีโอกาสเติบโต
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/53 ถึงไตรมาส 1/54 เนื่องจากความต้องการยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยราคาพาราไซลีนไตรมาส 4/53 อยู่ที่ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด) อยู่ที่ประมาณกว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนราคาเบนซีนอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน มีสเปรดอยู่ที่กว่า 250 เหรียญสหรัฐ/ตัน