หุ้น KH ราคาวิ่งขึ้น 2.40% มาอยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 38.88 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.30 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ผลประกอบการ 3Q53 ของบมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล(KH)มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ ตามฤดูกาล ในขณะที่ภาพรวมปี 53 มองว่าเป็นช่วงปรับตัวของ KH จากนโนบายในการลดสัดส่วนรายได้จากโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในระยะสั้นอาจส่งผลให้รายได้ลดลง แต่ผลจากอัตราการครองเตียง (Capacity) ที่ว่างขึ้นทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าเงินสดซึ่งมีอัตรากำไรสูงได้มากขึ้น ซึ่งมองว่าจะเริ่มเห็นผลดีชัดเจนในปี 54 เป็นต้นไป
ในขณะที่ระยะยาวบริษัทมีแผนในการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่แจ้งวัฒนะ ซึ่งจะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนและกลุ่มลูกค้าเงินสดเพิ่มขึ้น และการเข้าร่วมแผนปฏิรูประบบสุขภาพข้าราชการ ช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จึงคงคำแนะนำ“ถือ"KH ในเบื้องต้นยังคงประมาณการมูลค่าพื้นฐานคงเดิมที่ 6.30 บาท อิงวิธี DCF ที่ส่วนลด 12%
ด้านบล.ยูไนเต็ด แนะ"ซื้อลงทุน"หุ้น KH ด้วยผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอทุกปีราว 4% (โดยงวด 2H53 คาดจ่าย 0.15 บาทต่อหุ้น)แถมราคาหุ้นในปัจจุบันก็ซื้อขายบน PER ปี 54 ที่ยังค่อนข้างต่ำเพียง 14 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายปี 54 ใหม่ที่ 7.3 บาท (เดิมที่ 5.8 บาท)
จากงานประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารเมื่อวานนี้ (28 ต.ค.53) เราสรุปประเด็นสำคัญที่ได้ 3 เรื่อง ดังนี้ ผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q53 ซึ่งอาศัยปัจจัยกระตุ้นหลักจากการเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ทำให้เกิดการระบาดของผู้ป่วยไข้หวัดและโรคที่มีความเกี่ยวเนื่อง เช่น ไข้เลือดออก ฯลฯ ค่อนข้างมาก, การกลับมาระบาดของไข้หวัด 2009 ประกอบกับผลประโยชน์จากการมีพื้นที่ให้บริการกลุ่มผู้ป่วยเงินสดหลังตั้งแต่ 2Q53 ในกลุ่มรพ.และคลีนิก 4 แห่ง (จากทั้งหมด 16 แห่ง) ได้ถอนตัวจากการเข้าร่วมโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า(UC) ดังนั้น จึงทำให้ปริมาณผู้ป่วยเงินสด 3Q53 เติบโตกว่า 6%YoY หรือ 20%QoQ ในขณะที่ด้านอัตราค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยและรายได้จากกลุ่มประกันสังคม (SC) ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ผู้บริหารจึงประเมินทิศทางรายได้บริการรวม 3Q53 ฟื้นตัวโดดเด่นอีกครั้ง โดยเราคาด +15.3%QoQ แต่ -5%YoY เพราะรายได้ UC หายไปเกือบครึ่งเหลือ 135 ล้านบาทใน 3Q53
ขณะเดียวกัน ด้วยผลบวกจากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้า UC (ปัจจุบัน มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า 10%) ที่หดตัวลงต่อเนื่องเหลือราว 11%ใน 3Q53 และการเกิดผลประโยชน์ต่อการประหยัดต่อขนาดของกลุ่มลูกค้าเงินสด (อัตราการใช้เตียงสูงกว่า 75-80%ใน 3Q53) ก็ผลักดันมองความสามารถในการทำกำไรโดยรวมจะดีดตัวอีกครั้ง โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นแรงจาก 33.5%ใน 2Q53 เป็น 36.5% ใน 3Q53 และส่งผลต่อเนื่องได้ตัวประมาณการกำไรสุทธิ 3Q53 ดีดตัวทำจุดสูงสุดในรอบปีที่ 184 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 34%QoQ และ 3%YoY ตามลำดับ