ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 4.54 จุด ก่อนรับทราบผลประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday October 30, 2010 08:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและแดนลบสลับกัน ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกัน นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนรับทราบผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน รวมถึงผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 4.54 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 11,118.49 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.52 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 1,183.26 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.04 จุด ปิดที่ 2,507.41 จุด

หุ้นแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งวัน หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 2% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หลังจากที่ในไตรมาส 2 นั้น เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ 1.7%

กระทรวงฯ ระบุว่า อัตราขยายตัวที่เพิ่มขึ้นของจีดีพีในไตรมาส 3 มีสาเหตุหลักๆ มาจากการใช้จ่ายส่วนบุคคล และการลงทุนในสินค้าคงคลังภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งช่วยหักลบกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงมาก

นอกจากนี้ วานนี้ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนต.ค. ที่ระดับ 67.7 ลดลงจาก 68.2 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และยังถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีมีผลเพียงเล็กน้อยต่อราคาหุ้น เนื่องจากเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว โดยถึงแม้ข้อมูลจะเผยให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ จะขยายตัว 2.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.2% และเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2549 แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่มากพอในสายตาของตลาด ท่ามกลางอัตราว่างงานของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 9.6%

ขณะที่ บรรยากาศการซื้อขายแบบ wait-and-see ปกคลุมตลาด ก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยนักลงทุนจำนวนมากไม่กล้าผลีผลามทำอะไร เพราะไม่แน่ใจในสถานการณ์ เกรงว่าหากตัดสินใจลงทุนแล้วจะเกิดความผิดพลาด

ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดการประชุมในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ ซึ่งการประชุมที่กำลังจะมาถึงนี้ได้รับการจับตาอย่างมาก เพราะเป็นที่คาดหมายในวงกว้างว่า เฟดจะประกาศกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกรอบ ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับมูลค่าของโครงการ QE ดังกล่าวว่าอาจมีวงเงินน้อยกว่าหรือล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบและฉุดอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ให้ปรับตัวลดลง อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการปล่อยเงินกู้และการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจให้ไหลเวียนดีขึ้น

สำหรับหุ้นบวกเด่นๆ ในการซื้อขายวานนี้ ได้แก่ ไมโครซอฟท์ ซึ่งบวกขึ้น 1.5% หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่สุดของโลกรายงานผลกำไรไตรมาสแรกสูงเกินคาด เนื่องจากยอดขายจากกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น และ มอนสเตอร์ เวิลด์ไวด์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์หางานที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่ง 26% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4

ส่วนหุ้นลบนั้น เชฟรอน ร่วง 2.2% หลังบริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิที่ลดลง ซึ่งสวนทางกับบรรดาบริษัทคู่แข่งที่มีผลกำไรแข็งแกร่ง และ เมอร์ค ลบ 1.7% หลังบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ มีกำไรไตรมาส 3 ทรุดลงถึง 90% อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายเรื่องคดีความ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ