โบรกฯเชียร์ MAJOR คาดกำไร Q3/53 พุ่ง-จากขายตั๋วสูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 3, 2010 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR)ให้ราคาเหมาะสม 17.40 บาท คาดว่ากำไรปกติงวดไตรมาส 3/53 ของ MAJOR จะเติบโตสูงถึง 182% yoy เป็น 195 ล้านบาทจากกำไรปกติไตรมาส 3/52 ที่ 69 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากขายตั๋วคาดว่าจะสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 844 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% yoy

จากตั๋วที่ขายได้มากขึ้นและค่าตั๋วเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3% yoy เป็น 133 บาท โดยมีภาพยนตร์หลายเรื่องทำรายได้สูง เช่น กวนมึนโฮ (130 ล้านบาท), Twilight 3 (102), Resident Evil (99), สิ่งเล็กเล็กฯ (80), The Sorcerer’s Apprentice (65), ตุ๊กกี้ฯ (63) และ Inception (62) ขณะที่รายได้จากอาหารและเครื่องดื่มก็คาดว่าจะขยายตัวสูงตามรายได้จากภาพยนตร์ คาดว่ารายได้โฆษณาจะเติบโต 38% จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา อัตรากำไรขั้นต้นของ MAJOR จึงคาดว่าจะเพิ่มจาก 29.3% ในไตรมาส 3/52 มาเป็น 34.7%

ผลประกอบการไตรมาส 4/53 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากฐานรายได้จากการขายตั๋วภาพยนตร์ที่สูงในไตรมาส 3/53 และไตรมาส 4/52 (จาก Avatar, 2012 และ รถไฟฟ้าฯ) แม้ว่า Harry Potter 7.1 จะเข้าฉายในเดือน พ.ย. แต่เรื่อง พระนเรศวร 3 มีแนวโน้มว่าจะเลื่อนฉายไปปีหน้า

อย่างไรก็ดี ธุรกิจโฆษณายังคาดว่าจะยังแข็งแกร่งอีก แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมอาจส่งผลกระทบบางส่วน เช่น สาขาโคราช อยุธยา และ สมุย โดยรายได้จากสาขาต่างจังหวัดมีสัดส่วน 20-25% แต่สาขาที่ทำรายได้หลักในต่างจังหวัด คือ เชียงใหม่ ส่วนสาขาที่ทำรายได้สูงสุด 5 อันดับแรกล้วนอยู่ในกรุงเทพฯมีสัดส่วนรายได้ 30-40% และ กำไรสุทธิอาจเพิ่มขึ้นจากประมาณการ 80-100 ล้านบาทหากการโอนโครงการ ซูซูกิ อเวนิว เข้ากองทุน MJLF เสร็จในไตรมาส 4/53

นอกจากนี้ MAJOR จะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2554 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง เช่น Harry Potter 7.2, Transformers 3, Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides, Twilight 4.1, Mission Impossible 4 และ พระนเรศวร 3-4 อีกทั้งรายได้โฆษณายังคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นและอาจขึ้นค่าโฆษณา 5-10%

ส่วนกรณีที่ CAWOW (MAJOR ถือหุ้น 19%) ผิดนัดชำระหนี้กับ TMB และ BAY นั้น ทาง CAWOW กำลังเจรจากับธนาคาร โดยเราประเมินว่าน่าจะมีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้และมีความเป็นได้ที่อาจจะเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้ยืมที่ระบุว่า MAJOR ต้องถือหุ้นใน CAWOW ไม่น้อยกว่า 30% แต่หาก CAWOW ไม่สามารถเจรจาได้และถูกฟ้องล้มละลาย MAJOR คาดว่าต้องบันทึกการตัดจำหน่ายราว 50 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวกระทบกำไรประมาณ 8% แต่แทบไม่กระทบ

วานนี้(2 พ.ย.)หุ้น MAJOR ปิดที่ 13.50 บาท ลดลง 0.10 บาท(-0.74%)มูลค่าซื้อขาย 76.32 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ