นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E)เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังขยายตัวได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากยอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่มีปัญหาจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการอุปกรณ์แสงสว่างเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมร้านค้าต่างๆรวมถึงอาคารบ้านเรือนมากขึ้น
ประกอบกับ ช่วงครึ่งปีหลังจะถือเป็นฤดูกาลขาย (high season) ของสินค้าประเภทนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี จึงช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจมีทิศทางการเติบโตที่ดีดังกล่าว นอกจากนั้นที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนสินค้าในสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนสินค้าเฉลี่ยลดลง ส่งผลโดยตรงให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย
ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 53 ยังคาดว่ารายได้จะขยายตัวตามเป้าหมายที่ 10-15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,475.61 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้งานในมือต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 600 ล้านบาท
นายปกรณ์ กล่าวว่า โรงงานผลิตโคมไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และอุปกรณ์แสงสว่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ LED ภายใต้บริษัท แอล แอนด์ อี โซลิดสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยว่า คาดว่าจะทดลองเดินเครื่องการผลิตในเดือนธ.ค.นี้ และสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนม.ค.ปี 54
โรงงานดังกล่าวจะรองรับความต้องการสินค้า LED ทั้งตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน หลังจากพบว่าความต้องการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถึงปีละกว่า 30% และมีแนวโน้มจะพัฒนาขึ้นมาทดแทนสินค้าหลอดไฟฟ้าแบบเดิมถึง 50% ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า ซึ่งโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นการรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ LED ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน L&E ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์ LED ในภูมิภาคอาเซียน เพราะผลิตและส่งออกไปจัดจำหน่ายในหลายประเทศทั่วภูมิภาค ทั้งสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เวียดนาม และอื่นๆ ซึ่งหลังจากผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้วจะทำให้บริษัทสามารถผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ได้อย่างครบวงจร ทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเมืองไทยและตลาดในภูมิภาคอาเซียนได้เต็มภาคภูมิ
ปีที่ผ่านมา L&E มีรายได้จากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LED ประมาณ 100 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 6% ของรายได้รวม และหลังจากที่เครื่องจักรใหม่สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้คาดว่าจะทำรายได้ให้เติบโตได้ประมาณ 30-50% ซึ่งขณะนี้มีคำสั่งซื้อสินค้า LED เข้ามายังบริษัทฯ พอสมควรแล้ว ส่วนในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าเชื่อว่าสินค้า LED จะพัฒนาขึ้นทดแทนตลาดหลอดไฟฟ้าแบบเดิมได้ถึง 50%