โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"PTT ปรับประมาณการกำไรปี 53-54 ทุกธุรกิจในเครือหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 4, 2010 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ต่างแนะนำ"ซื้อ" หุ้นบมจ.ปตท. (PTT) เนื่องจากไตรมาส 3/53 กำไรสุทธิยังเติบโตที่ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 7 พันล้านบาท และแนวโน้มไตรมาส 4/53 ฟื้นตัวทั้งธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังดีต่อเนื่อง อีกทั้งโรงแยกก๊าซที่ 6 น่าจะเดินเครื่องในเดือน ธ.ค. 53 ทำให้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ขึ้น มาอยู่ที่ 7.1-7.8 หมื่นล้านบาท

และในปี 54 ปรับประมาณการกำไรขึ้นมาเป็น 8.4-9.1 หมื่นล้านบาท ได้รับผลกำไรจากธุรกิจในเครือทุกธุรกิจ พร้อมได้มีการปรับราคาพื้นฐานด้วย

ส่วนการควบรวมกิจการในเครือ อย่างเร็วคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะเห็นการควบรวม PTTAR และ PTTCH ส่วน IRPC มีปัญหาในข้อกฎหมายและ TOP มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ตั้งที่ห่างไกลจากโรงงานอื่น

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท)

          บล.ฟิลลิป           ซื้อ             392
          บล.กิมเอ็ง          ซื้อ             380
          บล.โกลเบล็ก        ซื้อ             375
          บล.ทรีนิตี้           ซื้อ             365
          บล.กรุงศรีอยุธยา     ซื้อ             360
          บล.เกียรตินาคิน      ซื้อ             350
          บล.เคจีไอ          ซื้อ             335 (มีแนวโน้มปรับขึ้น)

นายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานของ PTT ในไตรมาส 3/53 ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ แต่กำไรสุทธิน่าจะออกมาที่ 20,775 ล้านบาท (+24.5%QoQ, +22.3% YoY)ส่วนใหญ่เป็นผลของกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่า 7,400 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/53 ที่ 334 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/53 ธุรกิจจะฟื้นตัวจากธุรกิจในเครือ ทั้งโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่นดีขึ้น และปิโตรเคมี ดังนั้นในปี 53 ปรับขึ้นกำไรสุทธิ 3% เป็น 7.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 23% จากปีก่อน ซึ่งรวมถึงเป็นผลจากธุรกิจก๊าซเพิ่มสูงขึ้น

และในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 26% เป็น 9.18 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากทุกธุรกิจในเครือ ทำให้มีการปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 360 บาท จากเดิม 330 บาท เพราะจะได้รับแรงหนุนจากทุกหน่วยธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่เริ่มดำเนินการผลิตโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ตั้งแต่เดือน ธ.ค.53

ด้านนายสิทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ประเมินว่ากำไรในไตรมาส 3/53 จะออกมาดีที่ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยได้รับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 7 พันล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานทรงตัว ทำให้คาดว่าทั้งปี 53 มีกำไรสุทธิ 7.5 หมื่นล้านบาท

และในปี 54 ประมาณการกำไรที่ 8.4 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นได้อีก ซึ่งจะมีแนวโน้มปรับราคาเป้าหมายด้วย จากปัจจุบันให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 335 บาท

นอกจากนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปใหม่เกี่ยวกับการควบรวมบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจปลายน้ำภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างเร็ว เราเห็นว่าในระยะแรกการควบรวมกิจการจะจำกัดอยู่ที่ PTTAR และ PTTCH เนื่องจากอีก 2 บริษัทยังติดปัญหาอยู่ โดย IRPC มีปัญหาในข้อกฎหมายและ TOP มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ตั้งที่ห่างไกลกันโรงงานอื่น อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันยังไม่เห็นประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับอย่างมีสาระสำคัญจากการควบรวมนี้ นอกจากในแง่ของการแบ่งปันผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ก๊าซหุงต้มหรือแนฟทา

บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 3/53 ของ PTT อยู่ที่ 21,858 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.81 บาท เพิ่มขึ้น 29% yoy และ 31% qoq โดยกำไรที่เติบโตเป็นผลมาจากผลกำไรของธุรกิจก๊าซที่ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะ PTTEP ที่มีกำไรเติบโต 100% yoy

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/53 คาดว่าจะดีขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจก๊าซคาดว่าจะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของความต้องการใช้ก๊าซและจะได้โรงแยกก๊าซ 6 มาช่วยเสริมกำไร 1 เดือน ในขณะที่ผลกำไรของ PTTEP จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมและราคาจำหน่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นและการบันทึกเงินประกันชดเชยจากโครงการ Montara อีกทั้งส่วนแบ่งผลกำไรของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ก็คาดว่าดีขึ้นตาม spread margin ที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้

สำหรับปี 54 จะเติบโตได้ดี โดยคาดมีกำไรสุทธิ 9.06 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดกำไรสุทธิ 7.8 หมื่นล้านบาท จึงปรับเพิ่มราคาที่เหมาะสมในปีหน้าเป็น 380 บาทและคงคำแนะนำ ซื้อ

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 53 เพิ่มขึ้น 5.8% เป็น 75,437 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 26.57 บาท โดยกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากปรับลดอัตราภาษีจ่ายจากเดิมที่ 30.5% เป็น 29% หลังจากแนวโน้มอัตรา ภาษีจ่ายในไตรมส 3/53 ปรับลดลงเป็น 27% และคาดว่าในไตรมาส 4/53 จะยังทรงๆ จากรับรู้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีจากโรงแยกก๊าซ 6 และปรับเพิ่มกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากแนวโน้มเงินบาทที่แข็ง ค่าขึ้นต่อ

สำหรับปี 54 ทางฝ่ายคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโต 13.1% เป็น 85,341 ล้านบาท กำไร ต่อหุ้น 30.06 บาท โดยคาดว่าปริมาณก๊าซผ่านท่อเพิ่มขึ้น 10%YoY เป็น 4,457 mmcfd พร้อมทั้งปรับราคาพื้นฐานเป็นปี 54 เท่ากับ 392 บาท บน P/BV ที่ 1.78 เท่า

บล.เกียรตินาคิน ประเมินผลประกอบการ PTT ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าในปี 54 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 98,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%yoy ปัจจัยบวกยังคงอยู่ที่กำลังการผลิตของโรงแยกก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้น หลังจากโรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 6 เริ่มเดินเครื่องตั้งแต่ปลายปี 53 รวมทั้งสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่เราประเมินไว้ที่ 85 บาท เป็นปัจจัยบวกต่อ PTT และ PTTEP

ด้านกำไรของกลุ่มของบริษัทร่วมยังคงมีแนวโน้มเติบจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น และการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (โครงการ PTTPE ของ PTTCH) เป็นปัจจัยหนุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ