นายสุรพล ว่องวัฒนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สุรพลฟู้ด (SSF) เปิดเผยว่า ในปี 54 คาดว่ารายได้บริษัทจะเติบโต 3-5% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มากนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและการขาดแคลนแรงงาน
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทมาจากการส่งออก 90% และในประเทศ 10% แต่มีแผนในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากในประเทศเพิ่มเป็น 20% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการเติบโตสูง และผู้บริโภคในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยหันมาบริโภคอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น นอกจากนี้การขายในประเทศบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดส่งออกในภูมิภาคอาเซียนควบคู่ไปด้วย หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะทำให้การค้าขายสะดวกมากขึ้น ไม่มีมาตรการทางภาษีในการกีดกันการค้า
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัท สุรพล นิชิเรฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ร่วมทุนกับ บริษัท นิชิเรฟู๊ด จากประเทศญี่ปุ่น เปิดโรงงานใหม่แห่งที่ 4 ใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นโรงงานที่เน้นผลิตไก่ชุปแป้งทอดแช่แข็ง และไก่ชุบแป้งทอด-นึ่ง แช่แข็งเป็นหลัก เพื่อส่งออกในภูมิภาคอาเซียนและขายในประเทศมากขึ้น นอกเหนือการส่งออกในตลาดหลักที่ญี่ปุ่นและยุโรป
โรงงานใหม่ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 30% ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 2.2 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 หมื่นตัน/ปี ทั้งนี้ โรงงาน 2 แห่งแรกจากฐานการผลิตในจังหวัดสมุทรปราการ มีอัตราการผลิตอยู่ที่ 5,000 ตันต่อปี โรงงานที่ 3 ในเขตกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีอัตรากำลังการผลิต 12,000 ตันต่อปี และโรงงานที่ 4 แห่งใหม่ มีกำลังการผลิตที่ 5,000 ตันต่อปี
“โรงงานใหม่แห่งที่ 4 ของสุรพลนิชิเรฟู้ดส์ นี้เป็นโรงงานแห่งที่ 2 ในเขตพื้นที่กบินทร์บุรี ที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานการผลิต เพื่อกระจายรายได้และการสร้างงานไปยังพื้นที่ปราจีนบุรี โดยใช้เงินลงทุนก่อสร้างประมาณ 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 11 ไร่ หรือ 18,500 ตารางเมตร ทำให้ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโรงงานทั้งสี่แห่งรวมกันทั้งหมด 22,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 30% " นายสุรพล กล่าว
สำหรับ บริษัทสุรพล นิชิเรฟู้ด ส่งออกตลาดญี่ปุ่น 97% ส่วนที่เหลือส่งออกยุโรป-ออสเตรเลีย โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นไก่แปรรูปแช่แข็ง ที่เหลือเป็นซีฟู๊ดแช่แข็ง ขณะที่บริษัทยังมุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายขอบเขตการทำธุรกิจไปสู่อาหารแปรรูป และอาหารพร้อมรับประทานแช่แข็งที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้สามารถผลักดันการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารไปยังตลาดต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย
นายสุรพล กล่าวอีกว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ คือ บริษัท นิชิเร จำกัด บริษัท Ringer จำกัด ก่อตั้งบริษัท แชมเปี้ยนฟู้ด เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารชื่อ Ringer Hut ขายบะหมี่ญี่ปุ่นประเภท ราเม็ง โดยเปิดสาขาแรกที่ เค-วิลเลจ มีรายได้ 10 ล้านบาท และคาดว่าภายในอีก 3 ปี จะขยายสาขาเป็น 10 สาขา โดยใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท และจะทำให้รายได้เพิ่มเป็น 100 ล้านบาท