ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่งแรง 219.71 จุด ขานรับเฟดใช้ QE2 กู้วิกฤตเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 5, 2010 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 219.71 จุด หรือ 1.96% แตะที่ 11,434.84 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 23.10 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 1,221.06 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 37.07 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 2,577.34 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้น Nasdaq มีมูลค่าสูงถึง 1.034 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ใน ตลาดนิวยอร์ก

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังจากคณะกรรมการเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง

นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันเฟดจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า

นักลงทุนขานรับมาตรการ QE2 มากขึ้นเมื่อเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์เมื่อวานนี้ว่า มาตรการ QE2 ถือเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐ และเชื่อมั่นจะไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อในวันข้างหน้า พร้อมกับเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน และเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยอีซีบีไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะใช้มาตรการ QE ตามเฟด เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนสามารถขยายตัวได้ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายประเทศอย่างกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะก็ตาม

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 95,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 9.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ