ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) ขานรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 113.82 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ 5,862.79 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,748.97 - 5,876.03 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้นขานรับข่าวเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและเพื่อให้ต้นทุนการกู้ลืมลดลง
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดพุ่ง 6.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรัฐบาลแคนาดาปฏิเสธข้อเสนอของบีเอชพี บิลลิตัน ในการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทโปรแตช คอร์ป วงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นยูนิลิเวอร์ ปิดพุ่ง 6.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากยอดขายสินค้าเพื่อผู้บริโภคในยุโรปตะวันออกปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นโรลซ์-รอยซ์ปิดร่วง 5% หลังจากมีรายงานว่าเครื่องยนต์ 1 ใน 4 เครื่องของโรลซ์-รอยซ์ที่ใช้ในเครื่องบินแอร์บัส A380 ของสายการบินแควนตัส เกิดปัญหาเครื่องยนต์ไม่ทำงานในระหว่างการบินเมื่อวานนี้ จนเป็นเหตุให้แควนตัสต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สิงคโปร์ และทำให้สายการบินแควนตัสประกาศระงับบริการเที่ยวบินทั้งหมดที่บินด้วยเครื่องแอร์บัส A380
โดยเมื่อช่วงเช้าวานนี้ได้เกิดเหตุระทึกขวัญ เมื่อเที่ยวบิน QF32 ของสายการบินแควนตัสที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ประสบเหตุระเบิดกลางอากาศ หลังจากที่นักบินนำเครื่องขึ้นจากสนามบินชางงีของสิงคโปร์ได้เพียงไม่นานนัก โดยขณะเกิดเหตุนั้น เครื่องบินกำลังบินอยู่เหนือเกาะบาตัมของอินโดนีเซีย ก่อนที่นักบินจะตัดสินใจนำเครื่องกลับมาลงจอดฉุกเฉินที่สิงคโปร์
ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% เป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจอังกฤษส่งสัญญาณโตแข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการ QE มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด