บล.บัวหลวง(BLS) เชื่อว่ากำไรของบริษัทในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปี 52 ที่มีกำไร 224 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรมาที่ 116 ล้านบาทแล้ว แม้จะยอมรับว่าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในปีนี้คงจะพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 5%
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ BLS กล่าวว่า กำไรจากการดำเนินงานปี 53 จะเติบโตดีกว่าปีที่แล้ว หลังจาก 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตของบริษัทเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะตลาดฯ ทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น
ประกอบกับ ธุรกิจด้านวาณิชธนกิจในปีที่ผ่านมาค่อนข้างดี โดยบริษัทได้รับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับดีล M&A ของหลายบริษัททั้ง บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL) , บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ โปรดักส์(TUF) ,บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) รวมทั้งยังมีรายได้จากงานที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาด้วย
อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทยอมรับว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในการดำเนินธุรกิจจะไม่เป้นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 5%
แต่จากภาวะตลาดหุ้นเติบโตขึ้นในปีนี้และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า จึงช่วยส่งผลดีให้บริษัทมีบัญชีลูกค้ารวมในปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 หมื่นบัญชี จากปีก่อนที่มีประมาณ 2.5 หมื่นบัญชี โดยเฉพาะบัญชีลูกค้าที่ซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตปีนี้เติบโตขึ้นถึง 40% โดยปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าอินเตอร์เน็ตประมาณ 1.4-1.5 หมื่นบัญชี โดยเป็นการเพิ่มขึ้นถึงเดือนละประมาณ 700 บัญชี
“แนวโน้มการเปิดบัญชีใหม่ในปีนี้และปีหน้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากภาวะตลาดฯตอนนี้ก็เป็นขาขึ้นอยู่ และอัตราดอกเบี้ยก็ค่อนข้างต่ำ ซึ่งถึงจะมีการขึ้นดอกเบี้ยก็คงจะไม่มากคงไม่ส่งผลอะไรกับคนที่อยากจะเข้ามาลงทุน"นายพิเชษฐ กล่าว
ทั้งนี้ BLS ได้มีการเป้าเพิ่มเป้าหมายดัชนี SET ณ สิ้นปี 54 เป็น 1,200 จุด จากเดิมคาดไว้ที่ 1,100 จุด เนื่องจากมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้ายังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ก็มีความสามารถที่จะทำกำไร แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังเรื่องแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนี SET ปรับขึ้นไปค่อนข้างมาก
และในปีหน้าบริษัทมีแผนออกตราสาร DW เพิ่มเติมอย่างน้อย 4 ตัว จากปีนี้ที่ออกไป 2 คู่ หรือ 4 ตัว แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะออกช่วงเวลาไหนและจะออกทั้งหมดกี่ตัว
“ปีหน้าเรา ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ก็คงจะออก DW อีก 2 คู่ แต่จะออกทั้งหมดกี่ตัวยังบอกไม่ได้ ทั้งนี้ก็ต้องดูจังหวะตลาดฯและโอกาสในตอนนั้นๆเป็นสำคัญ ก็จะดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง"นายพิเชษฐ กล่าว