บมจ.เกียรติธนาขนส่ง (KIAT) ปรับเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิปี 53 เพิ่มเป็นเติบโตเป็นไม่ต่ำกว่า 30% จากเดิมคาดไว้ว่าจะเติบโตในระดับ 10-15% เนื่องจากพราะรายได้และกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนเติบโตเกิน 15% แล้ว และในไตรมาส 4/53 รายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53
ส่วนปี 54 ตั้งเป้ารายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างน้อย 10-15% จากงานใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลปลายปีนี้ ทั้งงานของบมจ.ปตท (PTT) และบริษัทอื่น อีกทั้ง บริษัทหลายแห่งในมาบตาพุดเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปีหน้า น่าจะส่งผลดีต่อปริมาณการขนส่ง
"เราเห็นตัวเลขรายได้งวด 9 เดือนเกินไปแล้ว 15% ก็จะปรับเป้าปี 53 ใหม่ว่ารายได้และกำไรสุทธิจะโตไม่ต่ำกว่า 30% แต่กำไรขั้นต้นเท่ากับปีที่แล้วที่ 30% ...ปีนี้รายได้จะใกล้ 1 พันล้านบาท"นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT กล่าว
อนึ่ง KIAT ปี 52 มีรายได้ 600 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 53 มีรายได้ 376 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท
นายเกียรติชัย กล่าวว่า รายได้ในปีนี้ส่วนใหญ่มาจากงานในประเทศ โดยมี ปตท.เป็นลูกค้าหลักที่มีสัดส่วนรายได้ 30-40% ของรายได้ โดยปีนี้บริษัทได้เพิ่มงานขนส่งก๊าซเข้ามาด้วย จากเดิมขนส่งสารเคมีเป็นหลัก ส่วนรายได้จากลาว มีไม่ถึง 10%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการงวดปี 53 ได้มากกว่างวดปี 52 ที่จ่ายไป 0.45 บาท/หุ้น โดยในปีนี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาท/หุ้น และคาดว่างวดปลายปีจะจ่ายไม่ให้น้อยกว่างวดแรก แต่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัทด้วย ทั้งนี้ นายเกียรติชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นทุกปี
สำหรับปี 54 บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตอย่างน้อย 10-15% จากงานที่ประมูลได้แล้วในปีนี้และเตรียมเข้าประมูลใหม่ในช่วง พ.ย.-ธ.ค.54 โดยในเดือน พ.ย.บริษัทสนใจร่วมประมูล 2-3 งานเป็นงานขนส่งก๊าซ แต่ละงานมีมูลค่างานมากกว่า 1 พันล้านบาทขึ้นไป ส่วนงานของบริษัทอื่นมีอีก 3-4 งาน มูลค่างานละประมาณ 500 ล้านบาทขึ้นไป ก็สนใจเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน
ประกอบกับ ในปีหน้าบริษัทจะขยายงานรับขนส่งน้ำมันเพิ่มเติมจากสารเคมีและก๊าซ NGV รวมทั้งเชื่อว่าปริมาณงานจะมีเพิ่มมากขึ้น หลังจากโรงงานในพื้นที่มาบตาพุดผ่านการพิจารณาเรื่องรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบต่อสุขภาพ (EIA)
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มรถขนส่ง แต่ต้องประเมินว่าบริษัทจะได้รับงานใหม่เท่าไร แต่เรื่องเงินทุนพร้อม เพราะอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังต่ำกว่า 1 เท่า
เมื่อเดือน ก.ย.53 บริษัทได้งานจาก ปตท. เป็นงานขนส่งก๊าซ NGV ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนจากสถานีหลักน้ำพอง มีกำหนดสัญญาเป็นระยะเวลา 10 ปี มูลค่างาน 1.2 พันล้านบาท
*คาดตั้งบ.ร่วมทุนในลาวในกลางปีหน้า เจาะตลาดอินโดจีน
นายเกียรติชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจานักธุรกิจในลาวเพื่อเข้าร่วมทุนจัดจั้งบริษัทดำเนินธุรกิจขนส่ง โดยเบื้องต้นจะลงทุนรถขนส่ง 10 คัน บรรทุกน้ำหนัก 30 ตัน มูลค่า 40-50 ล้านบาท เพื่อวิ่งรับงานในลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทได้ติดต่องานไปจากไทย แต่ไม่ได้รับงาน โดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งเท่าที่สำรวจการติดต่อค้าขายในลาว, กัมพูชาและ เวียดนาม ใกล้ชิดกว่าไทย จึงเห็นว่าหากจัดตั้งบริษัทลาวและรถขนส่งจดทะเบียนในลาว น่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจราบรื่น
"กำลังเจรจาหาผู้ร่วมทุน ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจในลาว ไม่ยาก แต่ก็ซับซ้อน แต่เชื่อว่า การจัดตั้งบริษัทในลาวน่าจะได้ภายในเดือน 6 ปีหน้า"นายเกียรติชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทเห็นช่องทางการทำธุริจในแถบอินโดจีน ซึ่งเป็นการเติบโตตามลูกค้าที่ขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ เช่น ผาแดง (PDI) โดยในลาว พบว่านักลงทุนส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เข้าไปลงทุน เช่น ในเหมืองถ่านหิน อุตสาหกรรมหนัก
ปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนรถอยู่ 600 คัน โดย 200 คันได้ตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว แต่ยังใข้งานได้ต่อ โดยแต่ละคันมีการใชังานเต็มที่ วิ่งวันละ 700 กม./คัน หรือ 16 ชั่วโมง ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของจำนวนรถทั้งหมดอยู่ทีประมาณ 4 ปี โดยรถทีมีอายุมากสุด 15 ปี จำนวน 40 กว่าคัน นอกจากนี้ บริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV แล้วกว่า 10% และปีหน้าจะทยอยเปลี่ยนเพิ่มอีก
"ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีเสน่ห์ ทรัพย์สินยังใช้ทำมาหากินไดี้อก แม้ว่าจะตัดค่าเสื่อมไปแล้วเท่ากับเราไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่เหมือนอุตสาหกรรมมีค่าเสื่อม 20 ปี พอถึงเวลาก็เป็นเศษเหล็ก ลูกค้าก็อยู่กันนานๆ ธุรกิจเราเติบโตตามลูกค้าที่เติบโตไปตามจีดีพี"นายเกียรติชัย กล่าว