บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) ศึกษาแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต คาดสรุปใน 2-3 เดือนและทำได้ในช่วงต้นปี 54 โดยบริษัทมีรับงานและลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการขนาดใหญ่ในเวียดนาม โครงการหลักที่เชื่อมต่อกับท่าเรือน้ำลึกทวายในพม่าที่บริษัทเพิ่งเข้ารับงานมา ซึ่งคาดว่าภาพรวมจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อนึ่ง เมื่อ 2 พ.ย.บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามใน Framework Agreement กับ Myanma Port Authority, Ministry of Transport ของสหภาพพม่า เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรม และเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างไทยกับพม่า ซึ่งเป็นสัมปทานประเภท"Build,Operate and Transfer" (BOT) โครงการประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อาทิ โรงเหล็ก โรงปุ๋ย โรงไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ เส้นทางการคมนาคมได้แก่ ถนน ทางรถไฟ และท่อส่งน้ำมันและก๊าซ
นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหาร ITD กล่าวว่า สำหรับโครงการในพม่า จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท ทวายดิเวลลอปเม้นท์ ซึ่ง ITD ถือหุ้น 100% มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการนี้จะมีมูลค่าด้าน Infrastructure 8,000 ล้านดอลลาร์ โดย ITD จะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ส่วนโครงการขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรม เช่น โครงการโรงไฟฟ้า น้ำ โรงกลั่น โรงปิโตรเคมี บริษัทจะหาผู้ร่วมทุน ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมทุนแล้วหลายสิบราย ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม โครงการลงทุนขนาดใหญ่ ที่สร้างรายได้แน่นอน เช่น โรงไฟฟ้าขนาด 6,000 เมกกะวัตต์ ITD จะถือหุ้น มากกว่า 50% ส่วนโครงการที่ไม่มีความถนัด และไม่สร้างรายได้แน่นอน เช่นโครงการปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน บริษัทจะคงสัดส่วนถือหุ้นไม่มากนัก
สำหรับการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมทวาย ในประเทศพม่า คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 54 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตร โดย บมจ.อมตะ คอร์เปอเรชั่น (AMATA) มีความสนใจและเป็นผู้มีความสามารถในการบริหารนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงมีประสบการณ์บริหารนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรกัน หากให้ผลตอบแทนที่ดี
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของ ITD ในปี 53 มาจากในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% และ ปี 54 สัดส่วนรายได้ในประเทศจะลดลงเหลือ 30-40% และรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 60-70% และภายในปี 5 ปี สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 90%
ITD คาดว่าสิ้นปี 53 งานในมือของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.25 แสนล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 3/53 อยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลักดันรายได้ในปีหน้าให้เติบโตขึ้นมาเป็นกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/53 บริษัทจะมีการบันทึกกำไรจากการขายหุ้น บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL)ให้กับพันธมิตรจากญี่ปุ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 1-2 วันนี้ ซึ่งคาดว่าจะบันทึกผลการขายหุ้นในไตรมาส 4/53 และมีแผนขายหุ้นเหมืองโปรแตช ที่ ITD ถือหุ้น 90% เนื่องจากเป็นโครงการที่เริ่มเดินหน้าแล้ว ซึ่งจะทำให้ขายหุ้นได้ในราคาสูง และยังมีแผนขายหุ้นเหมืองอลูมิเนียม ในประเทศลาว ที่ ITD ถือหุ้น 45%
ทั้งนี้เพื่อเตรียมการสำหรับเม็ดเงินลงทุนรองรับโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นกิจการใดที่ขายแล้วได้กำไรบริษัทมีแผนตัดขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง
นายเปรมชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเพิ่มทุนรองรับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่และศึกษาวิธีการออกหุ้นกู้ แต่บริษัทจะพยายามรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน ไม่ให้เกิน 1 เท่า จากระดับปัจจุบัน
นายเปรมชัย กล่าวว่า บริษัทมีงานรอการเซ็นสัญญาและรอผลการประมูล 1.28 ล้านล้านบาท และมีงานที่เซ็นสัญญาแล้ว 4.6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสาธารณูปโภค เช่นรถไฟฟ้า ถนน โรงไฟฟ้า ในประเทศแถบอาเซียนทั้งหมด โดยประเทศหลักที่รองานประมูล คือเวียดนาม ซึ่งมีการเจรจาของมูลค่างานรวม 1 ล้านล้านบาท และมั่นใจว่าจะได้งานในประเทศเวียดนามมากกว่า 75%
ทั้งนี้บริษัทเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และหากได้งานเพิ่มตามแผนที่วางไว้ จะมีขนาดการรับเหมาก่อสร้างเทียบเท่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น
สำหรับปี 54 จากมูลค่างานคงค้างในมือและงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา มีมาร์จิ้นสูง จึงมั่นใจว่า จะเป็นปีที่บริษัทจะมีกำไรสุทธิ หลังจากที่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง
"ปี 53 จะมีกำไรหรือไม่คงต้องรอปิดงบก่อน แต่ปี 54 ดูจากงานในมือแล้วเห็นตัวเลขมาร์จิ้น มั่นใจว่าปีหน้าจะมีกำไร เพราะเราจะไม่รับงานที่ขาดทุน หรือมีมาร์จิ้นต่ำอีก เพราะเป็นเหตุให้เราขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี" นายเปรมชัย กล่าว