ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นกลุ่มการเงิน ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 37.24 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 9, 2010 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวัน โดยหุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายหนักสุดหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของภาคธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทสหรัฐในตลาดต่างประเทศหดตัวลงด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 37.24 จุด หรือ 0.33% แตะที่ 11,406.84 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.60 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 1,223.25 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.07 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 2,580.05 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 190 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 16 ต่อ 13

หุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากคณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ไว้อีกระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การตรึงดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรในภาคธนาคารของสหรัฐด้วย

โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 0.6% อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ปิดพุ่ง 1.9% สวนทางการปิดลบของหุ้นในกลุ่มเดียวกัน

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยนักลงทุนกังวลว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าจะส่งผลให้กำไรของบริษัทสหรัฐในตลาดต่างประเทศหดตัวลงด้วย รวมถึงบริษัท แคททาร์พิลลาร์ อิงค์ ที่เข้าดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ ทั้งนี้ หุ้นแคททาร์พิลลาร์ ปิดร่วง 0.5% หุ้นโบอิ้ง โค ปิดร่วง 1.5%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะขึ้นภาษีและอาจต้องลดจำนวนหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 98.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 97.3 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ โดยโคห์ล คอร์ป, เมซี อิงค์ และเจซี เพนนี จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันพุธนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค. รวมทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนต.ค.

วันพฤหัสบดี ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลและตลาดพันธบัตรสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันทหารผ่านศึก ส่วนวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ