นายลาภทวี เสนะวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย)ผู้ผลิตเหล็กเส้น เปิดเผยว่า สภาวะโดยรวมของตลาดเหล็กทรงยาวของประเทศไทยในไตรมาสที่ 3/53-54 ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการเหล็กสูงขึ้น เนื่องจากจะมีการก่อสร้างเพิ่มมากขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ประกอบกับจะมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากปกติ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมความเสียหายด้านต่างๆ ที่เกิดจากพิบัติภัยน้ำท่วม โดยคาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทอยู่ในภาวะที่ดี
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/53-54 (กรกฎาคม — กันยายน 53) ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในส่วนของยอดขายสุทธิและปริมาณขาย โดยบริษัทมียอดขายสุทธิ 6,761 ล้านบาท และมีปริมาณขาย 332,000 ตัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/53-54 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 6,194 ล้านบาท และมีปริมาณขาย 297,000 ตัน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และ 12 ตามลำดับ เป็นไปตามการฟื้นตัวของตลาดจากไตรมาสที่ 1 ที่ความต้องการของตลาดอยู่ในระดับต่ำอันเป็นผลจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของไทย
และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2/52-53 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 5,721 ล้านบาท และมีปริมาณการขาย 298,000 ตัน ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 18 และ 11 ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในส่วนของสินค้าเหล็กลวดในประเทศ และปริมาณขายต่างประเทศ
เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2/53-54 ได้ลดลงจากไตรมาสก่อนตันละ 500 บาท อันเป็นผลสืบเนื่องจากการแข่งขันที่สูงของตลาดในประเทศ ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทในปลายไตรมาส ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงจากเหล็กลวดที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนั้น ต้นทุนขายในไตรมาสนี้ได้เพิ่มขึ้นตันละ 600 บาท เนื่องจากราคาและผลกระทบจากสัดส่วนการใช้วัตถุดิบซึ่งมีราคาสูง เป็นผลให้กำไรขั้นต้นลดลงตันละ 1,100 บาท และได้ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 208 ล้านบาท