นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) (DELTA) คาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะทะลุเป้าหมายที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิน่าจะเติบโตจากปีก่อน โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะสูงกว่า 10% เนื่องจากบริษัทมีการผลิตสินค้าใหม่ อาทิ โซล่าร์ เซลล์ คอนเวิร์ตเตอร์ รวมทั้งมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตชิ้นส่วนด้านสื่อสารโทรคมนาคมและยานยนต์ที่สูงขึ้น
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/53 จะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 3/53 ที่มีกำไรในระดับ 1.63 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้จะจะออกมาใกล้เคียงกัน
ส่วนปี 54 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตเป็น 2 หลัก โดยอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาแตะ 30% จากสิ้นไตรมาส 3/53 อยู่ในระดับที่ 28.4% เนื่องจากมีการผลิตสินค้าภายใต้เทคโนโลยีใหม่ที่มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้ง จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในประเทศสโลวะเกียและอินเดีย ซึ่งคาดว่าโรงงานสโลวะเกียจะเดินเครื่องผลิตได้ภายในไตรมาส 3/54 และโรงงานที่อินเดียจะเริ่มผลิตได้ปลายปี 54 ถึงต้นปี 55 คิดเป็นงบลงทุนแห่งละ 400 ล้านบาท รวมทั้งมีการขยายโรงงานที่บางปูเพื่อผลิตหลอดไฟ LED อีก 200 ล้านบาท ทำให้ปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 พันล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนและประเมินรายได้ระยะยาว 3-5 ปี คาดว่าจะสรุปผลในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ โดยบริษัทเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจจะมาจากการขยายโรงงานและขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชั้นสูงให้มีความหลากหลายมากขึ้น และจะเน้นการเติบโตด้านกรีนเอนเนอยี่ที่มีทิศทางการเติบโตในอนาคตค่อนข้างสูง
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า DELTA ยังเดินหน้ามองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีเงินสดในมือสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ได้รีบร้อน โดยจะรอดูกิจการที่น่าสนใจและได้ราคาที่ดีจริง ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าการเติบโตทางธุรกิจจะเน้นการขยายงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัทได้เข้าเจรจาซื้อกิจการที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนไม่มากนัก เนื่องจากเป็นธุรกิจด้านวิจัยและพัฒนา(R&D) ไม่ได้เป็นการซื้อตัวโรงงานผลิต
วานนี้ DELTA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทฯจะเข้าซื้อกิจการ Solon Inverters AG จาก Solon SE ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ใน Solon Inverters AG ดำเนินธุรกิจ จำหน่ายและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปลงพลังงานสำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Photo-Voltaic Inverters)
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวว่า บริษัทยังมีแนวทางที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แม้ว่าจะมีการแผนงานขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทกำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ และที่ผ่านมาก็จ่ายสูงกว่านโยบาย โดยปีที่แล้วจ่ายถึง 90% ของกำไรสุทธิ