บมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่(GRAMMY)เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 1 พันล้านในปีหน้าเพื่อรุกครั้งใหญ่ธุรกิจเคเบิลทีวีที่จะจับมือกับพันธมิตรเพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มผู้รับชม ขณะที่ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 54 จะเติบโตราว 10-20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 8-8.5 พันล้านบาท โดยมองว่าวงการเพลงปีหน้าจะคึกคักมากขึ้นจากปัจจัยหนุนหลายด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่บริษัทก็เตรียมเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่เข้าโปรแกรมเทรนตามมาตรฐานเกาหลีส่งโกอินเตอร์
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริหาร GRAMMY เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทจะมีการลงทุนธุรกิจเคเบิลทีวีครั้งใหญ่พร้อมกันกว่า 10 ช่อง ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยจะมีการร่วมพัฒนาคอนเท้นท์กับพันธมิตรหลาย ๆ ค่าย เช่น บริษัท ลักษณ์ 666 จำกัด , บริษัท เจเอสแอล จำกัด รวมถึงพันธมิตรอื่น ๆ ที่มีความพร้อม
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในปีหน้าจะเป็นปีที่ธุรกิจบันเทิงมีความคึกคักมาก เนื่องจากมีการศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีผลงานของศิลปินเดิมออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เช่น "เบิร์ด ธงไชย"ก็จะออกอัลบั้มใหม่ในช่วงเดือน มี.ค.54 เป็นต้น โดยได้รับการสนับสนุนผ่านช่องทางออกอากาศผ่านเคเบิลทีวีที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในขณะนี้ และได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างสูง
นายไพบูลย์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนงานที่จะรุกธุรกิจบันเทิงในปีหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการทำรายการประเภทเรียลิตี้โชว์ ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 3 รายการ จากเดิมในปีนี้มีเพียง 1 รายการ คือ "เดอะ สตาร์" ซึ่งรายการใหม่ที่จะผลิตในปีหน้าจะเน้นการคัดเลือกศิลปินหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ
และบริษัทยังมีแผนรุกธุรกิจบันเทิงในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก โดยจะมีการคัดเลือกศิลปินเข้าคอร์สฝึกอบรมตามมาตรฐานเดียวกับศิลปินของเกาหลีที่มีการสร้างศิลปินมืออาชีพ และยังมีแผนส่งนักร้องในสังกัดที่มีชื่อเสียง เช่น "เบิร์ด ธงไชย", "กอล์ฟ-ไมค์"ไปเรียนรู้งานในต่างประเทศ และออกผลงานในต่างประเทศด้วย
นายไพบูลย์ คาดว่า คาดว่า ผลประกอบการของ GRAMMY ในปี 54 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้น่าจะเติบโตได้ราว 10-20% จากกปีนี้ที่จะทำรายไดตามเป้า 8-8.5 พันล้านบาท และผลงานในปีนี้น่าจะมีการจ่ายปันผลช่วงครึ่งหลังปี 53 ไม่น้อยกว่าครึ่งปีแรกที่จ่าย 0.40 บาท/หุ้น
"ผลประกอบการปีหน้า คาดว่าจะโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้โต 10-20% ได้เห็นแน่นอน จากปีนี้ที่มีรายได้ตามเป้าที่ 8-8.5 พันล้านบาท และมั่นใจว่าปีหน้าธุรกิจบันเทิงโดยรวมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะช่องทางการขยาย เผยแพร่คอนเท้นท์ กว้างขวางมากขึ้น" นายไพบูลย์ กล่าว