(เพิ่มเติม) THCOM คาดเซ็นไอพีสตาร์อินเดียใน 1-2 สัปดาห์/ปีนี้รายได้ต่ำเป้า-ขาดทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 11, 2010 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ บริษัทจะเซ็นสัญญากับทางอินเดียได้เกี่ยวกับการเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ และจะรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 4/53 ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตกว่าไตรมาส 3/53 โดยบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากอินเดียไปแล้วในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาไม่ถึง 10 ล้านบาท

"ค่อนข้างแน่นอนที่เซ็นสัญญาได้เร็วๆนี้ น่าจะเป็น 1-2 สัปดาห์นี้ เพราะเขาสี่ง UT เราเพิ่มอีก 1.6 พันตัว โดยสัญญาจะใช้ Bandwidth ขั้นต่ำ 500 เมกะบิต และทยอยขึ้น ถ้าเซ็นได้แล้วจะได้กำไร" นายธนฑิต กล่าว

โดยก่อนหน้านี้ อินเดียได้สั่งซื้อ UT ไปแล้ว 6 พันตัว

นอกจากนี้ในไตรมาส 4 นี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายช่องสัญญาณ(Bandwidth)และ UT กับทางจีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย

ด้านนายธนพงษ์ ณ ระนอง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาดไอพีสตาร์ ของ THCOM คาดว่าในไตรมาส 4/53 ดาวเทียมไอพีสตาร์จะถึงจุดคุ้มทุน หรือมีการใช้ capacity ถึง 15% โดยสิ้นก.ย.53 ดาวเทียมไอพีสตาร์มีการใช้แล้ว 14% และในไตรมาส 4 นี้คาดว่าจะถึง 15% และปีหน้าจะสามารถทำกำไรได้แต่ขึ้นอยู่กับการเจรจาแต่ละดีล จากปีก่อนมีการใช้ช่องสัญญาณเพียง 6%

โดยปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีการเช่าใช้ข่องสัญญาณค่อนข้างมาก หรือประมาณ 5% ไทย 5% ที่เหลือ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทได้เจรจากับบริษัทต่างชาติที่สนใจลงทุนในจีน ซึ่งขณะนี้การเซ็นสัญญาชะลอออกไปเพราะทางการจีนต้องการตรวจสอบเรื่องความมั่นคง เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทต่างชาติ แต่เชื่อว่าเรื่องใกล้จบแล้ว และ THCOM ได้เจรจาบริษัทร่วมทุนดังกล่าวในการขายเหมาช่องสัญญาณ จากก่อนหน้าบริษัทขายผ่านไชน่าเทเลคอม

ส่วนในออสเตรเลีย เป็นขายล็อตใหญ่เช่นกัน โดยเป็นการขายเพิ่มเติมจากที่รัฐบาลออสเตรเลียมีโครงการใหม่ สำหรับในมาเลเซียและ อินโดนีเซีย ก็เป็นการขายเหมาช่องสัญญาณ แต่ละประเทศที่ได้รับซึ่งเป็นการขายเพิ่มเติมจากเดิมที่มีการทำสัญญาไว้แล้ว

"ปีหน้าเราก็สบายแล้วถ้าเซ็นสัญญากับอินเดียได้ ส่วนจะทำกำไรได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับ ดีลที่เราจะเซ็นใหม่" นายธนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ capacity ในจีนมีสัดส่วนมากที่สุด เท่ากับ 26.2% ของช่องสัญญาณทั้งหมด รองลงมาเป็นอินเดีย มีสัดส่วน 17.5%

*รับปีนี้ขาดทุน รายได้ต่ำกว่าเป้า

นายธนฑิต กล่าวยอมรับว่าในปีนี้ บริษัทยังขาดทุนอยู่ เพราะรายได้ปี 53 ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้เติบโต 30% เนื่องจากปีนี้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากจากปีก่อนเงินบาทอยู่ที่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ แต่ขณะนี้แข็งค่าขึ้นมา 4-5 บาท/ดอลลาร์แล้ว โดยในไตรมาส 3/53 เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา 1.10 บาท/ดอลลาร์ จากไตรมาส 2/53 ส่งผลให้รายได้ต่ำลง

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 53 บริษัทขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว 80 ล้านบาท

ประกอบกับ การเซ็นสัญญาของไอพีสตาร์ทั้งในอินเดียและจีนไม่เป็นไปตามคาด ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารายได้ปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน

"อยากให้เป็นบวก แต่ตัวรายได้มีไม่มาก และยังมีสำรองรายการอื่นๆ เราไม่มั่นใจเป็นบวก" นายธนฑิต กล่าว

ในปี 52 มีรายได้รวม 7.69 พันล้านบาท และ ขาดทุนสุทธิ 471 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา EBITDA ของบริษัทยังเป็นบวก อยู่ที่ 1,472 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.8% และมีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากิจกรรมาจากการดำเนินงาน 1,195 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ ณ 30 ก.ย.53 อยู่ที่ 1,047 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลาวและกัมพูชาในไตรมาส 3/53 มียอดผู้ใช้บริหารโทรศัพท์ รวมทั้งสิ้น ประมาณ 2.1 ราย โดยในลาวมียอดผู้ใช้จำนวน 1.53 ล้านราย และในกัมพูชา 5.7 แสนราย ซึ่งตลาดกัมพูชามีคู่แข่งเข้ามาดัมพ์ราคาทำให้รายได้ลดลง

ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ รายได้ในไตรมาส 3/53 เติบโต 38% โดยมีผู้รัชมรายการผ่าน DTV Platform (จานเหลือง) จำนวน 1 ล้านรายแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ