(เพิ่มเติม) PTT คาดดีลซื้อเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียจบในก.พ.54 รับรู้รายได้ทันที

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 12, 2010 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) คาดว่า การเจรจาซื้อกิจการเหมือนถ่านหิน SRL ในประเทศออสเตรเลียจะมีข้อยุติในเดือน ก.พ.54 หลังจาก SRL มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการขายหุ้น และหลังการเข้าซื้อกิจการแล้ว จะสามารถรับรู้รายได้ทันที

โดยหลังการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ยอดขายและกำลังการผลิตถ่านหินของ PTT เพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 ล้านตัน/ปี (คิดตามสัดส่วนการถือหุ้น)

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนชัดเจนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจเหมืองถ่านหินเป็น 30 ล้านตัน/ปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 58) ซึ่งมองว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับบริษัทและขนาดเหมาะสมในระดับต้นๆของธุรกิจถ่านหินของโลก

ทั้งนี้ PTT ได้ทำการเสนอซื้อกิจการเหมืองถ่านหินของบริษัท Straits Resourcis Limited (SRL) ผ่านบริษัท PTT Mining Limited (PTTML) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT International Limited (PTTI) ซึ่งปัจจุบัน PTTML ถือหุ้น SRL จำนวน 28% และการเจรจาซื้อหุ้นสำเร็จ จะทำให้ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 45%

"อย่างน้อยสัดส่วนธุรกิจถ่านหินของ ปตท.จะใหญ่ขึ้น จากที่เราถือ 28% ของกำลังการผลิต 10 ล้านตันต่อปี ถ้าคิดตามสัดส่วนเราจะได้ 3 ล้านตันต่อปี แต่ถ้าปีหน้าเราถือ 45% จะเพิ่มเป็น 5 ล้านตันต่อปี ตามสัดส่วนที่เราถือเพิ่ม" นายเทวินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้น SRL อีก 40% ที่ถืออยู่ในบริษัท PTT Asia Pacific Mining PTY Ltd (PTTAPM) หลังจากที่ SRL แยกกิจการโลหะออกไป และ กล่ม PTT จะเข้าไปซื้อกิจการเหมืองถ่านหินทั้งหมด ซึ่งจะทำให้กลุ่ม PTT ถือหุ้นใน SRL 100% โดยการเข้าซื้อกิจการของ SRL ครั้งนี้จะใช้เงิน 1.66 หมื่นล้านบาท โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัท

สำหรับ SRL เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศออสเตรเลีย อยู่ระหว่างการขอแยกกิจการธุรกิจเหมืองถ่านหิน และโลหะ โดยSRL ต้องการดำเนินธุรกิจโลหะต่อไป ดังนั้นการประชุมผู้ถือหุ้นของ SRL จะมีการขออนุมัติแยก 2 ธุรกิจ เป็น 2 บริษัท และพิจารณาให้กลุ่ม PTT ซื้อกิจการเหมืองแร่ ในเดือน ก.พ.54

ทั้งนี้ตามแผน 5 ปีที่จะเพิ่มกำลังการผลิตธุรกิจเหมืองถ่านหินเป็น 30 ล้านตัน/ปี ซึ่ง SRL เป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน 2 แห่งในอินโดนีเซีย และยังได้สิทธิในกิจการถ่านหินในประเทศบรูไน และมาดากัสการ์ ซึ่งต่อไปบริษัทจะมีการเจรจากับรัฐบาล นอกจากนี้บริษัทยังหาโอกาสเข้าซื้อกิจการเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมอีก แต่ธุรกิจก๊าซ ยังเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม PTT

"ธุรกิจถ่านหินมองว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต ซึ่งจะมีการเติบโตมากขึ้นต่อการใช้ก๊าซและน้ำมัน เพราะถ่านหินยังมีปริมาณสำรองอยู่เยอะมาก เพราะฉะนั้นการเติบโตจะสูง จึงมองว่าเป็นอีกธุรกิจที่เราต้องการขยายต่อไปเรื่อยๆ และหาโอกาสในอนาคต" นายเทวินทร์ กล่าว

และในเดือน ธ.ค.53 บริษัทจะเสนอคณะกรรมการ ปรับปรุงงบลงทุนต่างประเทศ 5 ปี (ปี 53-57) จำนวน 8 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียจะใช้วงเงินลงทุนดังกล่าวด้วย

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบ สิ้นปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากขณะนี้อยู่ที่ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นไปได้สูงที่ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 90 ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก และผู้ขายพยายามผลักดันราคาให้สูงขึ้น เพื่อชดเชยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แต่ส่วนการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับไปตามราคาน้ำมันดิบ แต่ PTT พยายามจะปรับให้ช้าลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ