นายอำพน กิตติอำพล ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย(THAI)คาดว่า ในปี 53 บริษัทจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทมา 50 ปี โดยช่วง 9 เดือนของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิถึง 1.24 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่บริษัทจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ทำให้มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและมีการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงจาก 4-5 พันล้านบาท/ปี เหลือไม่ถึง 2 พันล้านบาท/ปี และเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับคืนมา ทำให้อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin factor)กลับมาดีขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงทั้งเรื่องราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงพนักงานมีขวัญและกำลังใจดีขึ้น
"เราคาดว่ากำไรปีนี้จะสูงสุดทำนิวไฮตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 50 ปี" นายอำพน กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในเดือน พ.ย.53 คาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin factor)สูงเกินระดับ 70% และในเดือน ธ.ค.ที่เป็นเดือนที่มี Cabin factor สูงสุด คาดว่าแตะ 80%
ส่วนวันนี้ คณะกรรมการบริษัทได้เลื่อนการพิจารณาการลงนามการตั้งบริษัท ไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ ไปเป็นวันที่ 19 พ.ย.53 เพื่อให้เวลากับคณะกรรมการในการพิจารณาเอกสารรายงานที่ฝ่ายบริหารได้ทำการเจรจา รวมถึงประเด็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญจึงต้องการให้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจ หากตัดสินใจล่าช้าก็อาจทำให้บริษัทเสียประโยชน์ แต่หากตัดสินใจเร็วเกินไปก็อาจเสียหายในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หลักการเดิมบริษัทต้องการควบคุมการบริหาร แต่ไม่ต้องการให้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ
นายอำพน กล่าวถึงกรณีที่ European Commission ยกเลิกข้อกล่าวหาเรื่องการทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศละเมิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าของสหภาพยุโรป จะทำให้เงินสำรองประมาณ 600-700 ล้านบาทบันทึกกลับมาเป็นรายได้ของบริษัท จากที่ได้ตั้งสำรองไว้กรณีถูกกล่าวหาดังกล่าวในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งหมดประมาณ 4.29 พันล้านบาท