โบรกเกอร์เห็นพ้องหนุน"ซื้อ"หุ้นบล.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH)มองผลประกอบการยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ไตรมาส 3/53 กำไรสุทธิต่ำกว่าคา โดยอยู่ที่ 205 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 47% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 60% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
แต่แนวโน้มไตรมาส 4/53 รายได้จะฟื้นตัวจากการเปิดโครงการใหม่ๆ และการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม Q หลังสวน จึงคาดทั้งปี 53 บริษัทจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท และเติบโตราว 10% ในปี 54
ส่วนมาตรการ LTV เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียม ส่งผลกระทบต่อ QH น้อยมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่มีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับกลาง-บน และยังมีโครงการคอนโดมิเนียมยังเป็นส่วนน้อย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 3.30 บล.ดีบีเอส ซื้อ 3.00 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 3.10 บล.ฟิลลิป ซื้อ 2.70 บล.ซิกโก้ ซื้อ 3.00 บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 2.68
นายชาตรี ศรีสมัยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้ผลประกอบการไตรมาส 3/53 ของ QH จะต่ำกว่าคาดการณ์ โดยมีกำไรสุทธิ 205 ล้านบาท ลดลง 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 47% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้นจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่ง
แต่ในไตรมาส 4/53 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม Q หลังสวน นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีที่ยอดขายโครงการแนวราบเดือน ต.ค.เดือนเดียวมีถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งปกติเพียงไตรมาสเดียวจะมียอดขาย 2,300-2,500 ล้านบาท
ดังนั้น ทั้งปี 53 มองว่าบริษัทยังมีกำไรประมาณ 2,100 ล้านบาท หรือเติบโต 22% ส่วนปี 54 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีกำไรประมาณ 2,300 ล้านบาท หรือเติบโต 10%
ส่วนการที่ทางการออกมาตรการคุมการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ มองว่าในส่วนของ QH ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากพอร์ตลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของการวางเงินดาวน์ ประกอบกับ โครงการคอนโดมิเนียมยังมีน้อย
“คิวส์เฮ้าส์เพิ่งเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในไตรมาส 3 ซึ่งกว่าจะเสร็จอีก 2 ปี ดังนั้นมองว่ามาตรการ LTV ที่ออกมาคงไม่มีผลกระทบ อีกทั้งโครงการของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับกลาง-บนเป็นหลัก"นายชาตรี กล่าว
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"QH แม้ผลประกอบการไตรมาส 3/53 จะลดลง 47% จากไตรมาส มาจากการรับรู้รายได้ที่ปรับลด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/53 จากยอดขายโครงการแนวราบที่เปิดตัวค่อนข้างมากและเป็นสินค้าระดับกลาง รวมถึงมีการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมีเนียม QH หลังสวนที่ประมาณ 700 ล้านบาท
ดังนั้น ในปี 53 คาดว่า QH จะมีกำไรสุทธิ ประมาณ 2,079 ล้านบาท และปี 54 ที่ 2,118 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลของปี53 ได้ 0.15 บาท/หุ้น
ส่วนการที่ ธปท.ออกกฎทบทวนวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน LTV เบื้องต้นประเมินว่า อาจมีผลต่อการปลี่ยนแปลงเช่นการเพิ่มเงินดาวน์ จาก 10% เป็น 20% อาจทำให้ผู้ซื้อต้องทบทวนความสามารถในการผ่อนชำระ และทำให้การตัดสินใจล่าช้าออกไป แต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ซื้อรายใหม่ แต่ในระยะยาวการปรับตัวของผู้ซื้อ และผู้ประกอบการจะทำได้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองผลประกอบการของ QH จะเติบโตโดดเด่นในปีนี้ผลจากการขายและรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ(Q-House สาทรในไตรมาส 1/53 และโครงการ Q หลังสวน) โดยเฉพาะใน Q4/53 ที่คาดจะมีรายได้จากคอนโดมิเนียมประมาณ 700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/53 ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิของ QH ปีนี้ อยู่ที่ 2,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน โดยมีรายได้ 13,506 ล้านบาท เติบโต 18.9 % จากปีก่อน
สำหรับปี 54 จากกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทจะช่วยสนับสนุนการเติบโต โดยคาดรายได้อยู่ที่ 15,072 ล้านบาทเติบโต 16.8% จากปี 53 ซึ่งจะมี Backlog ที่ยกข้ามจากปีนี้ไปประมาณ 900 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโต 12.7% จากปี 52 หรือมีจำนวน 2,253 ล้านบาท