นางสาวปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า ปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 20% และรายได้เติบโต 10-15% โดยมาจากธุรกิจอาหารที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 55-60% ธุรกิจโรงแรม-ร้านค้า 35-40% ประกอบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังคงเติบโต
อย่าไรก็ตาม ในปี 54 คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือจะเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยเป็น 63% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 56% และเชื่อว่าในปี 55 อัตราการเข้าพักจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ 70% และราคาห้องพักจะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ในปีหน้า
ส่วนในปี 53 คาดว่ารายได้จะโตจากปีก่อน 10% แต่จะมีกำไรใกล้เคียงปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายพิเศษในช่วงไตรมาส 4/53 จากการเปิดตัวโครงการ St.Regis และเปิดตัวโรงแรมอนันตรา Kihavah ประมาณ 40-50 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปีนี้ไม่เติบโต
และในไตรมาส 4/53 บริษัทคาดว่ามีรายได้เติบโต 3-4% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ ทำให้รายได้หายไปวันละ 1 ล้านบาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากความเสียหายในร้านอาหาร 14 แห่ง โรงแรม 3 แห่ง และร้านค้า 8 แห่ง และยังได้รับผลกระทบจากการที่สนามบินสมุยปิดให้บริการด้วย
นางสาวปรารถนา กล่าวอีกว่า ในปี 54 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท ในโครงการ St.Regis และซื้อโรงแรมที่แทนซาเนีย รวมถึงการชำระเงินลงทุนในแบรนด์ไทยเอ็กซเพรส ส่วนการเจรจาซื้อกิจการอาหารเพิ่ม 1 แห่งคงจะได้ข้อสรุปล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ภายในปีนี้
ขณะที่ระยะ 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนซื้อกิจการเพิ่ม โดยมีเม็ดเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มาจากกระแสเงินสด 6 พันล้านบาท และมาจากเงินที่ได้จากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ในปี 56 จำนวน 4.2 พันล้านบาท โดยมองการซื้อกิจการในธุรกิจอาหาร คาดว่าใน 3 ปี น่าจะมีแบรนด์อาหารเพิ่ม 3 ดีลขึ้นไป ขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า 1.5-2 พันล้านบาท/ดีล และซื้อกิจการโรงแรม โดยใช้งบลงทุน 4 พันล้านบาท/แห่ง โดยมีพื้นที่สนใจที่ประเทศแอฟริกา ออสเตรเลีย และอินโดจีน
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งขยายธุรกิจทั้งด้านอาหารและโรงแรมไปยังต่างประเทศในระยะ 3-5 ปี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะมีธุรกิจโรงแรมทั้งการบริหารและเป็นของตัวเอง 75 แห่ง จากปัจจุบันมี 33 แห่ง ร้านอาหารภายใต้การบริหาร 2,100 ร้านค้า