(เพิ่มเติม1) PS คาดปี 54 ยอดรายได้โต 25-30% เป็น 3 หมื่นลบ.,ใช้งบซื้อที่ดินหมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 15, 2010 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) คาดว่าปี 54 ยอดรับรู้รายได้จะเติบโตราว 25-30% มาเป็น 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 78 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการในต่างประเทศ 4 โครงการ จำนวนโครงการในปีหน้ามากกว่าในปีนี้ที่เปิดตัวทั้งหมด 68 โครงการ พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินราว 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนในปีนี้ได้มีการปรับเป้ารายได้เป็น 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่ายอดขายน่าจะทะลุเป้า โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ 80-85% ส่วนคอนโดมิเนียม สัดส่วน 15-16%

"แนวโน้มรายได้ทั้งปี 53 จะอยู่ที่ 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท จาก 9 เดือนที่ทำได้ 1.64 หมื่นล้านบาท ส่วนแนวโน้ม presale จะได้ 3.8-4.0 หมื่นล้านบาทจากแผนทั้งปีตั้งไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท" นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ PS กล่าว

ทั้งนี้ รายได้ที่ปรับลดไปเนื่องจากโครงการทาวน์เฮ้าส์ สร้างเสร็จไม่ทันขาย ทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ทันในปีนี้ ซึ่งเดิมเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์ปีนี้ 16 โครงการ แต่เปิดขายจริง 39 โครงการ

ในไตรมาส 4/53 คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นยอดรายได้สูงสุดในรอบปี ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดตัว 14 โครงการใหม่ในไตรมาส 4/54 ทั้งแนวราบและแนวสูง ก่อนที่ในปีหน้าจะเปิดตัวโครงการต่อเนื่อง

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวว่า ในปี 53 เป็นปีแรกของบริษัทที่เป็นผู้นำ Presale โดยรวม และบริษัทก็เป็นผู้นำทุก Segment โดยในงวด 9 เดือนมียอดจองถึง 3 หมื่นล้านบาทสูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยสัดส่วนยอดจองกระจายไปสินค้าทุกกลุ่ม แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 22% ทาวน์เฮ้าส์ 44% และ โครงการคอนโดมิเนียม 34%

และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3.6 พันล้านบาท แม้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 37% ใกล้เคียงปีก่อน แต่บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดสูงขึ้น รวมถึงการลงทุนระบบไอทีเพิ่มขึ้นด้วย

นายประเสริฐ กล่าวว่า สิ้น ก.ย.53 บริษัทมี Backlog อยู่ 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 53-56 แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งไตรมาส 3/54 จะมีการรับรู้รายได้เข้ามามากจากโครงการ The Ideal ทองหล่อ ราวกว่า 2 พันล้านบาท นอกจากนั้นยังมีโครงการทาวน์เฮ้าส์ 8.9 พันล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 4.3 พันล้านบาท และโครงการในต่างประเทศ 550 ล้านบาท

สำหรับปี 54 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 78 แห่ง โดยจะนำเสนอแผนรายละเอียดต่อคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 16 พ.ย.นี้ โดยจำนวนนี้เป็นโครงการในต่างประเทศ 4 โครงการ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนซื้อที่ดิน 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่ใช้งบไป 1.4 หมื่นล้านบาท โดย 41 โครงการมีที่ดินพร้อมแล้ว และกำลังทยอยจัดหาที่ดินอีก 37 โครงการ

นายประเสริฐ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กำหนดเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อต่อหลักประกัน (LTV) สำหรับคอนโดมิเนียมไม่เกิน 90% และโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ไม่เกิน 95% คงไม่มีผลกระทบกับแผนธุรกิจของบริษัทมากนัก เพราะปัจจุบันบริษัทได้ให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 12-15% สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม และ 5% สำหรับบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ และเป็นโครงการขายก่อนสร้างด้วย อย่างไรก็ตามในปีหน้าอาจจะปรับโครงสร้างวราคาตลาด เพื่อไม่ให้กระทบกับสต็อกที่เกิดจากการยกเลิกสัญญาซึ่งมีอยู่ไม่ถึง 10% และไม่ให้กระทลกับลูกค้า

*รุกตลาดอสังหาฯ อินเดีย -เวียดนาม เล็งศึกษาอินโดฯ

สำหรับโครงการในต่างประเทศบริษัทเตรียมเปิดขายโครงการในบังกาลอร์ของอินเดีย เฟสแรก มูลค่าราว 500 ล้านบาทในเดือน ธ.ค.นี้ หลังจากแนะนำโครงการไปเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้บริษัทได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทแล้วในเมืองบังกาลอร์

และจะเปิดขายโครงการทาวน์เฮ้าส์ในเมืองไฮฟองของเวียดนาม ราวไตรมาส 1/54 มูลค่าราว 500 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการประมาณ 3.6 พันล้านบาท (รวมโครงการคอนโดมิเนียม) โดยเวนคืนที่ได้แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนสร้างบ้านตัวอย่าง

พร้อมกันนั้นยังเตรียมขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองมุมไบและเชนไนของอินเดียในช่วงไตรมาส 2/54-ไตรมาส 3/54 ตามลำดับ โดยโครงการในเมืองมุมไม มีมูลค่าโครงการ 1.8 พันล้านบาท และในเมืองเชนไน โครงการมีมูลค่า 1.5 พันล่านบาท โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน

สำหรับในมัลดีฟส์ ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 3.5 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการเฟสแรก คาดว่าจะสร้างเสร็จและจะเปิดจองได้ในไตรมาสแรกปี 54 ด้วย

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาโครงการใหม่ในกรุงนิวเดลี และประเทศอินโดนีเซียในปี 54

"ในต่างประเทศมีอยู่ 3 ประเทศที่เราเข้าไป คืออินเดีย มัลดีฟ และ เวียดนาม แต่ปีหน้าเราจะศึกษาตลาดในอินโดนีเซีย รอบเมืองจาการ์ตา และในเมืองนิวเดลีที่อินเดียเพื่อหาโอกาสลงทุนเพิ่ม" นายทองมา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ