นายกิตติ ชีวะเกตุ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 54 ทำรายได้เติบโต 14% เนื่องจากบริษัทจะมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวเชื่อว่าจะทำยอดขายได้ค่อนข้างสูง โดยตัวแรกจะเป็นสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เช่น โพลิเมอร์ เม็ดพลาสติก, ตัวที่ 2 เป็นสินค้าทางด้านระบบระบบกรองฝุ่นในโรงงานอุตสาหกรรม และตัวที่ 3 เป็นสินค้าที่ใช้ในโรงงานเคมี
ประกอบกับ บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการพลังงานทดแทน
นายกิตติ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมในปีหน้ายังเติบโตได้ดี คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะมีเสถียรภาพหรืออาจปรับขึ้นเล็กน้อย หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นก็จะส่งผลดีต่อตัวบริษัท อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้สินค้าของบริษัท ก็จะทำให้ยอดขายดีขึ้น
บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปี 54 ไว้ที่ประมาณกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนอีก 50 ล้านบาทจะมาจากเงินกู้ เพื่อใช้ในการลงทุนผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง ซึ่งจะเป็นก๊าซที่นำมาใช้ทดแทนก๊าซในรถยนต์ โดยขณะนี้ได้มีการทำ MOU กับทาง ปตท.แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องราคา คาดว่ากำลังการผลิตน่าจะอยู่ที่ 6.5 ตัน/วัน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/53 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/53 ที่มีรายได้ 194.18 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 29.02 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มยอดขายจากธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในโรงกลั่นและปิโตรเคมียังมีอัตรการเติบโตที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคู่แข่งไม่มาก และช่วงที่เงินบาทแข็งค่าบริษัทได้นำเข้าสินค้าเคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
นอกจากนี้ บริษัทมีแนวโน้มการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม คือ บริษัท บางจากไบไอฟูเอล จำกัด(BBF) เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/53 ที่รับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนดังกล่าวแล้ว 15.65 ล้านบาท จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ทำแผนขยายธุรกิจในอนาคต โดยการเพิ่มสินค้าใหม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตจากต่างประเทศบ้างแล้ว และคาดว่าจะเริ่มต้นผลิตได้ในต้นปี 54
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 53 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% จากปี 52 ที่มีรายได้รวม 706.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.81 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคทั่วไป