บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 8.6 เท่าของมูลค่าประมาณการของ EBITDA ปี 2553 โดยการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จต้นปี 2554
การเข้าซื้อกิจการคาร์ฟูร์ของบิ๊กซีในครั้งนี้จะเกิดซินเนอร์ยี่ที่สำคัญ สามารถคำนวณเป็นมูลค่าประมาณร้อยละ1.2 ของประมาณการรายได้รวมของปีนี้ โดยรวมผลรับจากซินเนอร์ยี่จนถึงวันที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2556 โดยการลงทุนในการซื้อกิจการนี้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในของบิ๊กซีและการขอสินเชื่อจากธนาคาร คาดว่าจะส่งผลต่อผลประกอบการของบิ๊กซีตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ทั้งนี้ คาร์ฟูร์ ประเทศไทย มีสาขารวม 42 สาขา โดยเป็นค้าปลีกในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 34 สาขา และในสาขาเหล่านี้ มีพื้นที่ให้ร้านค้าเช่าจำนวน 37 สาขา โดยตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ในปีนี้ราว 30 ล้านบาท ซึ่งสาขาของคาร์ฟูร์ที่มีอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล เมื่อผนวกรวมกับบิ๊กซีแล้ว จะทำให้บิ๊กซีมีสาขาในกรุงเทพและปริมณฑลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
นอกจากนี้ เมื่อรวมส่วนของค้าปลีกที่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตของคาร์ฟูร์แล้ว บิ๊กซีจะมีไฮเปอร์มาร์เก็ตมากถึง 103 สาขา และคาดว่าจะมีรายได้รวมถึง 100,000 ล้านบาทสำหรับปีนี้ ทำให้บิ๊กซีมีสาขาครอบคลุมยิ่งขึ้นและตอกย้ำการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต
เนื่องจากคาร์ฟูร์ในประเทศไทยมีสาขาที่เป็นศูนย์การค้า คือมีพื้นที่ให้ร้านค้าเช่าถึง 37 แห่ง ทำรายได้จากค่าเช่ารับมีสัดส่วนเป็นประมาณเป็น 50% ของ EBITDA เมื่อรวมกับสาขาที่เป็นศูนย์การค้าของบิ๊กซีแล้ว จะทำให้บิ๊กซีมีศูนย์การค้าเกินกว่า 100 สาขา มีพื้นที่ให้เช่ารวมถึง 584,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นการช่วยสร้างมูลค่าและยกระดับกลยุทธ์ของบิ๊กซีที่ต้องการเพิ่มจำนวนสาขา ทั้งในแง่ค้าปลีกและการบริหารจัดการศูนย์การค้า ให้มีศักยภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการซื้อกิจการนี้จะต้องมีการนำเสนอและได้รับอนุมัติโดยผู้ถือหุ้นบิ๊กซีในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม 2554 ซึ่งคาดว่าการซื้อกิจการจะดำเนินการได้แล้วภายในต้นปี 2554
อนึ่ง BIGC เป็นผู้นำอันดับ 2 ในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ตของไทย ด้วยยอดขาย 69,000 ล้านบาท จาก 111 สาขา