ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรป-จีนขึ้นดอกเบี้ย ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 178.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 17, 2010 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.ของจีนพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 178.47 จุด หรือ 1.59% แตะที่ 11,023.50 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 19.41 จุด หรือ 1.62% แตะที่ 1,178.34 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 43.98 จุด หรือ 1.75% ปิดที่ 2,469.84 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq มีอยู่ราว 9.67 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2,642 ต่อ 405 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามยุโรปอีกครั้ง หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดว่ารัฐบาลไอร์แลนด์อาจต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะภายในประเทศ ขณะที่ผู้นำยุโรปกำลังประชุมร่วมกันที่เบลเยี่ยมเพื่อหารือกันเรื่องการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์

ยูโรสแตทซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ไอร์แลนด์มียอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 14.4% ของตัวเลขจีดีพีในปี 2552 ขณะที่รัฐบาลไอร์แลนด์คาดว่า งบประมาณที่ใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณพุ่งเกือบแตะ 32% ของจีดีพีในปี 2553 ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ต้นทุนในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของไอร์แลนด์อาจพุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้ไอร์แลนด์ต้องเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไอร์แลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 8.25% เมื่อวานนี้ จากวันจันทร์ที่ระดับ 7.94% ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นหมายความว่ารัฐบาลไอร์แลนด์จะมีต้นทุนในการกู้ยืมจากตลาดเงินสูงขึ้นด้วย

นอกเหนือจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนี CPI เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.4% ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบปีนี้ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงด้วย

นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของจีนมากขึ้นเมื่อนายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ โดยเครื่องมือดังกล่าวครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนส่งผลให้หุ้นบริษัทเหมืองแร่ที่ต้องพึ่งพาดีมานด์จากจีน ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดร่วง 4.3% หุ้นอัลโคปิดร่วง 2.8% และหุ้นมอนซานโตปิดร่วง 2.4%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ