บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)ที่ระดับ “A" ด้วยแนวโน้ม “Positive" หรือ “บวก" ซึ่งเปลี่ยนจาก “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตลอดจนตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป รวมถึงผลประกอบการและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและความยั่งยืนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นและความสำเร็จในการพัฒนาสินค้าที่เป็นตราสัญลักษณ์เฉพาะของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาผลประกอบการและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยที่ยังคงอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา
HMPRO เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร" ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทในปัจจุบันประกอบด้วย บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) (30.26%) และบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) (20.38%) บริษัทเป็นผู้จำหน่ายสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านที่ครบวงจร อาทิ อุปกรณ์ปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว และเครื่องตกแต่งบ้าน บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 3 แห่งต่อปีมาตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2538 ทั้งนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่มีผลดีต่อการขยายสาขาของบริษัท
ณ เดือนตุลาคม 2553 HMPRO มีสาขารวมทั้งสิ้น 40 แห่ง โดยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 19 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 21 แห่ง เมื่อรวมทุกสาขาแล้วบริษัทมีพื้นที่ขายทั้งหมด 264,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าอีก 78,317 ตร.ม. ด้วยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีฐานในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่แข็งแกร่งกระจายอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ๆ
ในปี 2553 บริษัทเปิดสาขา 5 แห่ง โดย 2 แห่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 3 แห่งอยู่ในต่างจังหวัด แผนการขยายสาขาของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้ายังคงมุ่งเน้นในจังหวัดที่สำคัญทั่วประเทศ รวมถึงเมืองสำคัญ ๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทมียอดขายรวม 17,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.77% จากช่วงเดียวกันของปี 2552 ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทมีอัตราการเติบโต 14.70% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ซึ่งสูงกว่าอัตรา 5.10% ในปี 2552 และ 6.60% ในปี 2551 เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและยอดโอนบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการจูงใจด้านภาษีของภาครัฐที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2553 รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและรายการสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 24.27% ในปี 2552 เป็น 24.97% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าที่เป็นตราสัญลักษณ์เฉพาะของบริษัท โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 13.59% ของยอดขายในปี 2552 เป็น 15.60% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553
ฐานะการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 1,777 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 2,058 ล้านบาทในปี 2552 และเป็น 1,816 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับสูงจากการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพ เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,179 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 2,783 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2553 เพื่อลงทุนในการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 63.49% ในปี 2552 และ 47.19% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553