นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW) คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปี 54 คงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้อยู่ในประมาณการ คือ โรงไฟฟ้าห้วยเหาะในลาวที่บริษัทถือหุ้น 67% ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามกำหนด เพราะเกิดปัญหาภัยแล้ง ทำให้กำไรจากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะหายไป 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาต้นทุนถ่านหินในปี 54 ปรับขึ้นมาเป็น 95 เหรียญ/ตัน จากปีนี้ที่มีราคา 75 เหรียญ/ตัน ทำให้ต้นทุนโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลลดทอนกำไรไปราว 200 ล้านบาท อีกทั้งในปีหน้าบริษัทมีค่าเสื่อมราคาของโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่งเพิ่มขึ้นรวม 300-400 ล้านบาท และภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้านบาท รวมถึงโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 713 เมกะวัตต์ จะไม่ได้รับสิทธิบีโอไอแล้ว
"ทั้งหมดทั้งปี 54 เราผิดพลาดเรื่องห้วยเหาะ ซึ่งเราไม่รู้ล่วงหน้าก่อนว่าจะเกิดแล้ง ส่วนอื่นเรารู้ล่วงหน้า กำไรไม่ได้ปรับขึ้นตาม EBITDA และตอนที่ประมาณการเงินบาทอยู่ที่ 35 บาท/ดอลลาร์ แต่ตอนนี้เงินบาทปรับมา 29-30 บาท/ดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ไม่กระทบกับกระแสเงินสดเพราะรายได้และรายจ่ายเป็นเงินดอลลาร์เหมือนกัน"นายสุทธิวงศ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 53 คาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณกว่า 1 พันล้านบาท
นายสุทธิวงศ์ กล่าวว่า ปี 54 รายได้บริษัทจะเพิ่มขึ้น 15% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 3.5-3.6 หมื่นล้านบาท จากกำลังการผลิตใหม่ 2 แห่ง คือโรงไฟฟ้าถ่านหิน( CFB-3) กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ ที่เดินเครื่องเมื่อต้น พ.ย.53 และ โรงไฟฟ้าก๊าซ (Cogen Gas Phase 5) ขนาด 382 เมกะวัตต์ จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ก.ย. 54
ส่วนโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน (ถือหุ้น 65%) คาดว่าจะล่าช้าไป 2-3 เดือน จากกำหนดการเดิมในเดือน พ.ย. 54 แต่บริษัทจะได้รับชดเชยจากผู้รับเหมา วันละ 56,000 เหรียญสหรัฐจากผลกำไรที่ได้รับล่าช้าออกไป
ดังนั้น ทำให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 54 จะเพิ่มขึ้น 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.5-9.6 พันล้านบาท