นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ปตท.มีความสนใจเข้าร่วมทุนและศึกษาโครงการในการร่วมทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ซึ่งมองว่ามีศักยภาพสูงทั้งด้านแหล่งวัตถุดิบและความต้องการใช้ในประเทศ รวมถึงภูมิภาคประเทศใกล้กับไทย ซึ่ง ปตท.สนใจลงทุนทั้งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี และโรงกลั่น
ที่ผ่านมา บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)ได้เข้าไปขุดเจาะสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในประเทศเวียดนาม และมีความสำเร็จ รวมทั้งมีประสบการณ์ที่จะช่วยให้เครือ ปตท.มีโอกาสขยายการลงทุนและเติบโตได้ดี ซึ่งล่าสุด PTTEP มีแปลงสัมปทานก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ของเวียดนามที่ติดกับแหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทย ซึ่งพบก๊าซแล้ว แต่ยังจะต้องมีการเจรจาเพื่อหาแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ เพราะไม่สามารถส่งมาขายโดยตรงในประเทศไทยได้
สำหรับแผนที่จะเข้าไปประมูลซื้อหุ้นของ เวียดนาม พีวีแก๊ส ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งยังมีหลายขั้นตอน และส่งผลกระทบต่อทั้ง ปตท.และเวียดนาม พีวีแก๊ส ที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม รวมทั้งมีคู่แข่งค่อนข้างมาก จึงไม่สามารถเปิดเผยขัอมูลได้
นายเทวินทร์ กล่าวถึงการลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในต่างประเทศว่า หลังจากที่เข้าซื้อกิจการ SLR ในออสเตรเลียแล้ว ปตท.ยังคงจะมุ่งเป้าหมายไปสู่การมีปริมาณสำรองถ่านหินในปี 58 ที่ 30 ล้านตัน และขณะนี้มีปริมาณสำรองถ่านหินแล้ว 5 ล้านตัน ซึ่งคงจะมีการพิจารณาซื้อเหมืองถ่านหินอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ยังมีแผนต่อยอดการทำธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินจากแหล่งบรูไนและมาดากัสการ์ในเครือ SLR โดยกำลังพิจารณาตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินหน้าเหมืองทั้งสองแห่ง ซึ่งจะผลิตใช้เองและขายให้กับผู้ประกอบการใกล้เคียงด้วย
บริษัทยังมีความสนใจร่วมทุนธุรกิจโรงไฟฟ้ากับภาครัฐ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งไฟฟ้ากลับมายังประเทศตามแผนพัฒนาพลังงานที่คาดว่าการขยายตัวของความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การตั้งโรงไฟฟ้าในประเทศไทยติดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีเพียงโรงไฟฟ้า SPP เท่านั้นที่มีการผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ก็ยังถูกต่อต้านหากไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม การร่วมทุนในโรงไฟฟ้าในอาเซียนนั้น ปตท.จะไม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
นายเทวินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ปตท.มีแผนจะเพิ่มซัพพลาย LNG โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซขนาด 5 ล้านตันคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 54 เพื่อรองรับการเติบโตด้านความต้องการใช้พลังงานของประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าเบื้องต้นจะมีความต้องการนำเข้ามาเพียง 1 ล้านตันในขณะนี้ ซึ่ง ปตท.ยังมองอนาคตที่จะขยายคลังให้จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านตันเพื่อศักยภาพในระยะยาว
"ตอนนี้ราคา LNG ลดลงเพราะสหรัฐไม่ต้องนำเข้า หลังจากพบแหล่งใหม่ แต่มองว่าอนาคตราคา LNG ก็จะปรับสูงขึ้น ดังนั้นการสร้างคลังสำรองก็จะส่งผลดีในระยะยาว และ ปตท.สผ.ก็สนใจทำ FLNG ก็น่าจะมีโอกาสร่วมกันในการทำงาน"นายเทวินทร์ กล่าว