นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS)กล่าวยืนยันว่า บริษัทมีความพร้อมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากที่มีมติอนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียน ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)เหลือ 0.64 บาท/หุ้น จาก 1 บาท/หุ้น เพื่อล้างภาระขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 4 พันล้านบาท
“ถ้าจะเอากำไรไปล้างขาดทุนสะสม...กว่าจะกำไร 4,000 กว่าล้านบาทต้องรอนานกว่าจะปันผลได้ ผมรู้บริษัทสถานะตอนนี้เป็นยังไง จึงได้เตรียมพร้อมที่จะจ่ายปันผล เพราะอยากจะปันผล"นายคีรี กล่าว
วานนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น BTS ยังมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ/หุ้นกู้ไม่เกิน 10,000 หมื่นล้านบาท พร้อมเพิ่มทุนรองรับ 12,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รองรับการใช้สิทธิในหุ้นกู้แปลงสภาพ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 3,802,867, 837 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ในราคาหุ้นละไม่ต่ำกว่า 0.80 บาท
นายคีรี กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินบาท 1 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี เพื่อนำมารีไฟแนนซ์ 8.7 พันล้านบาท เชื่อว่าหลังจากจ่ายหนี้ได้ดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมาก จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
"หุ้นกู้แปลงสภาพถ้าอินเวสเตอร์ต่างประเทศแปลงสภาพทั้งหมดหุ้นจะ dilute อย่างมากแค่ 18% แต่คิดแล้วผลบวกที่จะกลับมาจากการลดดอกเบี้ยใน 3 ปีแรกจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมาก ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้ต่างประเทศไม่มีผลในการที่จะเข้ามาบริหาร ชี้นำ หรือชี้แนะบริษัท"นายคีรี กล่าว
นายคีรี กล่าวอีกว่า การดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยในเดือน พ.ย.-ธ.ค.53 บริษัทจะมีรายได้จากให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสมากกว่าเดือน ต.ค.53 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถบันทึกกำไรได้ เพราะต้องรอโอนให้ลูกค้า ในช่วง 2 ปีนี้ต้องใช้เวลาก่อสร้างทำให้มีภาระดอกเบี้ย เมื่อมีโอกาสบริษีทสามารถออกหุ้นกู้แปลงสภาพก็จะได้อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก
หลังจากบริษัทจัดการกับภาระหนี้ได้ บริษัทก็จะเจรจากับรัฐบาลว่าบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแรงดีอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำส่วนต่อขยาย ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากหลักหมื่นหลักแสนล้านบาท เพราะหากเตรียมตัวไม่พร้อมก็ไม่สามารถรับภาระหน้าที่จากรัฐบาลได้ แต่เมื่อบริษัทเบาตีวจากภาระดอกเบี้ยก็สามารถขยายธุรกิจได้จากเคยที่นิ่งเฉยมา 10 ปี
นายคีรี คาดว่า ใน 2-3 ปีจะสามารถทำให้บริษัทมีสภาพคล่องดีขึ้น ตัวเลขกำไรน่าจะดี ซึ่งรายได้ของ BTS ในปี 56 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตเป็นเท่าตัว เพราะส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ จะแล้วเสร็จ เชื่อว่ารายได้จะเพิ่มมากและเมื่อถึงวันนั้นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย
ส่วนจุดคุ้มของรถไฟฟ้า BTS จะอยู่ที่กี่ปีนั้น นายคีรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยเกือบ 11 ล้านบาท/วัน และตอนนี้ได้ซื้อรถมาเพิ่มอีก 12 ขบวน โดยวันที่ 27 พ.ย.นี้ก็จะเริ่มนำมาให้บริการ เส้นสีลมก็จะเป็น 12 ขบวน และเส้นสุขุมวิท 35 ขบวน นอกจากนี้ เราได้สั่งเพิ่มเข้ามาอีก 35 ตู้ จะเข้ามาอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นในอีก 2 ปีจะเห็น 47 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้