ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นแบงค์ ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 15.62 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 18, 2010 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) กำลังตรวจสอบคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของอดีตผู้บริหารและพนักงานธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ล้มละลายในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วยพยุงดาวโจนส์ไม่ให้ร่วงลงมากนัก นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 15.62 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 11,007.88 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.25 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,178.59 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 2,476.01 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายอย่างหนักหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า FDIC กำลังตรวจสอบอดีตผู้บริหารและพนักงานจำนวน 50 คนของธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ล้มละลายในช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงิน เพื่อหาหลักฐานเรื่องการทุจริตและหลักฐานอื่นๆที่อาจบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ควรถูกลงโทษในคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังถูกเทขายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า คณะกรรมการเฟดจะอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์บางแห่งเพิ่มเงินปันผล แต่จะประเมินความสามารถของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 19 แห่งในการรับมือกับการขาดทุนในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงผันผวนเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในไอร์แลนด์ โดยรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้จัดการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อตัดสินใจว่าควรจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ไอร์แลนด์เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ลุกลามออกไปหรือไม่ แม้รมว.คลังไอร์แลนด์ยืนยันว่า ไอร์แลนด์ยังมีฐานเงินทุนที่เพียงพอไปจนถึงช่วงกลางปีหน้าก็ตาม

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่เดือนต.ค.ร่วงลง 11.7% สู่ระดับ 519,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 600,000 หลังต่อปี

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วยพยุงตลาดไม่ให้ร่วงลงมากเกินไป โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้แรงหนุนหลังจากบริษัททาร์เก็ต กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 23% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และบริษัทบีเจ โฮลเซล คลับ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 32% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นทาร์เก็ตปิดพุ่ง 3.9% หุ้นคอสโค โฮลเซล คอร์ป ปิดพุ่ง 2.2% หุ้นเมซี อิงค์ ปิดบวก 2.1% และหุ้นเจซี เพนนี ปิดบวก 2.5%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนีซีพีไอเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของเฟดที่ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และอาจทำให้เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค. และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ