บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยสะสม"หุ้น บมจ.เอสวีไอ(SVI)ราคาเหมาะสม 3.24 บาท ด้วยทิศทางค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า และยืนเหนือ 30 บาท/US$ ได้เป็นวันแรกในรอบ 27 วันทำการวานนี้ และดูเหมือนว่าค่าเงินบาทจะยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ด้วยการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ย่อมเป็นบวกต่อภาคการส่งออกของไทยเช่นกัน
บริษัทอื่นในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์มีแนวโน้มกำไรโตก้าวกระโดดในปีนี้ คาดว่า SVI จะมีกำไรปกติปี 2553 ขยายตัวเพียง 4% เป็น 594 ล้านบาทหรือ 0.33 บาท/หุ้น เนื่องจากการเป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้มีความเสียเปรียบด้านการจัดหาวัตถุดิบ
ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ มีแนวโน้มคลี่คลายลงจากการหาแหล่งวัตถุดิบเพิ่มเติม และการตั้งสำนักงานซื้อวัตถุดิบในไต้หวันซึ่งคาดว่าจะให้ประโยชน์เต็มที่ในช่วงต้นปีหน้าทั้งด้านราคาวัตถุดิบและความสามารถในการจัดหา ด้วยสาเหตุนี้ประกอบกับแนวโน้มความต้องการของลูกค้าด้านงานรับจ้างประกอบและผลิต(EMS)สำหรับสินค้าและอุปกรณ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงลูกค้าใหม่หลายรายที่เข้ามาในปีนี้ ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการของ SVI ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/53 แล้ว และจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวใน 4Q53
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรเติบโตถึง 17% เป็น 694 ล้านบาทหรือ 0.36 บาท/หุ้นในปี 2554 ด้วยธุรกิจกับลูกค้าเดิมซึ่งในปี 2553 ไม่สามารถผลิตสินค้าได้เท่าความต้องการ, ลูกค้าใหม่หลายรายที่เข้ามาในปี 2553 โดยขยายธุรกิจสู่กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ด้วย, ศูนย์จัดหาวัตถุดิบในไต้หวันจะช่วยลดต้นทุนและลดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และบริษัทจะเปิดใช้โรงงานใหม่ราวกลางไตรมาส 4/53 สำหรับรองรับการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า (คาดเพิ่มกำลังการผลิตราว 50%)
ทั้งนี้ ปรับคาดการณ์ยอดขายและกำไรปี 2554 ขึ้นจากเดิม 2% และประมาณการ net margin 8.2% เปรียบเทียบกับประมาณการเฉลี่ย 8.7% ในปี 2551-2553
วานนี้(17 พ.ย.)หุ้น SVI ปิดที่ 2.84 บาท ลดลง 0.08 บาท(-2.74%)มูลค่าซื้อขาย 30.63 ล้านบาท