นายชัชวาลย์ เอี่ยมศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงินและบัญชี บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปรับสัดส่วนหนี้ทั้ง 100% เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐภายใน 1-2 ปีนี้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 40% ของวงเงินหนี้ 7.5 หมื่นล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ ภายในเดือน ธ.ค.53 นี้บริษัทมีแผนจะสวอปเงินจากการออกตั๋วบี/อี 1 พันล้านบาท อายุ 36 วัน โดยเงินดังกล่าวจะนำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียน
นอกจากนั้น บริษัทได้เตรียมการระดมทุนเพื่อรองรับการลงทุน โดยคาดว่าในปีหน้าบริษัทจะออกตราสารหนี้ medium term note ซึ่งสามารถตั้งวงเงินได้หลายสกุลและทยอยออกได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา การจัดทำตราสารหนี้ดังกล่าวจะทำให้มีความคล่องตัวและมีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำลงจากปัจจุบันที่ในระดับเฉลี่ย 3.5% โดยขณะนี้ทางบาร์เคลย์รับเป็นผู้จัดทำโครงการดังกล่าว จากนี้นจะเปิดให้สาถบันการเงินเข้ามาประมูล
นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินหุ้นกู้สกุลดอลลาร์อีก 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มีเงินสด 4.5 หมื่นล้านบาท และยังสามารถนำใบสั่งซื้อสินค้าที่ทำไว้กับปตท.ไปขายให้กับธนาคารพาณิชย์ได้เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนได้อีก โดยบริษัททำมาแล้วในวงเงิน 500 ล้านบาท ต้นทุนดอกเบี้ยเพียง 1-2%
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตเป็น 2 digit จากการที่ปริมาณการขายและผลิตทำได้เกินกว่าเป้าเป็น 2.6 แสนบาร์เรล/วัน จากที่คาดการณ์เดิม 2.5 แสนบาร์เรล/วัน ประกอบกับ ราคาน้ำมันในปีนี้ขยับสูงขึ้นมาเป็นเฉลี่ยที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิม 72 เหรียญ/บาร์เรล
และยังคาดว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการขายและผลิตจะเติบโตประมาณปีละ 5-6% ในระยะ 5 ปี ตามจำนวนแหล่งผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่หากบริษัทสามารถเพิ่มแหล่งผลิตได้มากขึ้น ก็จะทำให้การเติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยบริษัทก็มองโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ซึ่งปกติก็จะมีการศึกษาโครงการราว 50 แห่ง ก่อนจะตัดสินใจคัดเลือกที่จะศึกษาเพื่อลงทุนอย่างจริงจัง โดยประเทศหลักที่เข้าไปลงทุนยังเป็นพม่า ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย
อนึ่ง ในปลายเดือน ธ.ค.นี้ บริษัทจะมีการทบทวนงบลงทุนตามแผน 5 ปี โดยจะรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 1 เท่า