ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวมากเกินคาด และข่าวบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) สามารถระดมทุนได้สูงถึง 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้น IPO นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า รัฐบาลไอร์แลนด์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 173.35 จุด หรือ 1.57% แตะที่ 11,181.23 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 18.10 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 1,196.69 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 38.39 จุด หรือ 1.55% แตะที่ 2,514.40 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจาก ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 22.5 จุดในเดือนพ.ย. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 1.0 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.0 จุด และสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับภาวะไม่แน่นอนก็ตาม
ขณะเดียวกันตลาดขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเพียง 2,000 ราย แตะระดับ 439,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 440,000 ราย โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า ไอร์แลนด์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าไอร์แลนด์อาจจะได้รับความช่วยเหลือในรูปของเงินกู้วงเงินหลายพันล้านยูโรจากกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักมากขึ้นเมื่อจีเอ็มสามารถระดมทุนได้ถึง 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการเสนอขายเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หรือที่ราคา 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งการระดมทุนของจีเอ็มจะช่วยให้ภาระผูกพันของกระทรวงการคลังสหรัฐที่ถือหุ้นอยู่ในจีเอ็ม ลดลงเหลือ 26% จากเดิม 61%
นักลงทุนให้น้ำหนักกับข่าวการออกหุ้น IPO ของจีเอ็มเป็นอย่างมาก เพราะการระดมทุนได้เป็นจำนวนมากผ่านการออกหุ้น IPO ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงให้การตอบรับจีเอ็ม หลังจากจีเอ็มประสบปัญหาด้านการเงินจนรัฐบาลสหรัฐต้องยื่นมือช่วยเหลือ ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นจีเอ็มพุ่งขึ้น 3.6% และช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมในตลาดให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
การขยายตัวที่แข็งแกร่งเกินคาดของดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกในสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปิดพุ่ง 1.5% หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ปิดพุ่ง 2.4%