กองทุน-โบรกฯมองหุ้นไทยแตะ 2, 000 จุดใน 3 ปีจากทุนต่างชาติทะลัก-บจ.โต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2010 08:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้จัดการกองทุนและโบรกเกอร์ มองตลาดหุ้นไทยช่วง 3 ปีข้างหน้ายังไปต่อมีสิทธิแตะ 2,000 จุด จากเงินทุนต่างชาติทะลักเข้าเอเชีย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังย่ำแย่ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้ง GDP ไทยเติบโตเช่นกัน

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวในงานสัมนา"แนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปี 54" ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 54-56) จะปรับตัวสูงขึ้นโดยมีโอกาสไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 2,000 จุด จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,700 จุดเมื่อปี 37 โดยคาดว่าปี 54 ดัชนีจะปรับขึ้นไปที่ 1,200 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าในเอเชีย และกลุ่ม Emerging Market ที่เข้ามาหาผลตอบแทนที่ดีกว่าในสหรัฐและยุโรปที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว โดยมองว่างวดนี้เงินทุนไหลเข้าจะเข้ามารอบละประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่เศรษฐกิจไทย(GDP) ปี 54 เติบโต ราว 5% จาปีนี้ที่คาดว่าโต 7% รวมทั้ง อัตราการเติบโตของ บจ.ในตลาดหุ้นไทยเติบโตต่อเนื่องโดยปีหน้าคาดว่า กำไรจะเติบโต 15% จากปีนี้เติบโต 18-19%

"ผมเห็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนในเอเชีย ใน Emerging Market อย่างมีนัยสำคัญ โดยมุมมองผู้ลงทุนมองว่าเอเชียยังอยู่ได้อีกนาน Focus อยู่ที่ จีน อินเดีย ในช่วง 10-20 ปีข้างหน้า"นายประภาส กล่าว

โดยแนะนำให้ลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผลสูง และมีอัตราการเติบโต 10-20%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับฐานตลาดหุ้นไทยรอบนี้จะใกล้จบในเดือน ธ.ค. และคาดว่าในเดือนม.ค. 54 ตลาดหุ้นจะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า รอบนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีสภาพคล่องเข้ามาในตลาดหุ้นมาก จากสภาพคล่องที่เคยหมุนเวียนในตลาดเงินสหรัฐและยุโรป และเชื่อว่าดัชนีจะทำนิวไฮกว่าเมื่อปี 37 ที่แตะสูงสุดที่ 1,700 จุด ที่มี P/E ที่ 33 เท่า แต่รอบนี้ P/E จะถูกกว่า หรือคาดว่าปี 54 ดัชนีจะอยู่ที่ 1,400 จุด P/E ที่ 18 เท่า

ทั้งนี้ เป็นผลจากสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ระดับ 0.25% ส่งผลให้เงินที่ลงทุนในพันธบัตรส่วนหนึ่งจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น อย่างน้อย 2.5 แสนล้านเหรียญ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น 20-22% ซึ่งหุ้นในเอเชียจะมีโอกาสเติบโตได้มากกว่า

"ข้อดีที่สหรัฐและยุโรปยังมีดอกเบี้ยต่ำ ทั้งที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปอีก แต่การเกิดภาวะฟองสบู่จะไม่มีต่อเมื่อ บจ.ยังเติบโต หรือ ไม่มี buble ใน Valuation" นายวิศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังไม่ overwieght ตลาดหุ้นไทย แต่ให้ระดับ neutral และยังมองว่าหุ้นใน SET 51-100 ยังน่าลงทุนเพราะมี P/E 10 เท่า มีการเติบโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลดี หรือลงทุนในกลุ่ม Consumer, Bank และ กลุ่มพลังงาน หรือ หุ้นที่มีกระแสเงินสด และมีหนี้สินต่ำ

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารส่วน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เห็นว่า จะมีเงินไหลเช้ามาอีกจากการอัดฉีดสภาพคล่องในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐ ซึ่งตลาดมีผลตอบแทนไม่ดี รวมทั้งตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าประมาณ 3 ปี กว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปจะฟื้นตัวได้

อย่างไรก็ตาม มองว่า ณ วันนี้ วิกฤติเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มก่อตัวในเอเชีย แต่ถ้ามีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่อง 3 ปี และไม่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ก็อาจจะมีปัญหาข้างหน้าได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ