(เพิ่มเติม) LHK คงเป้ารายได้งวดปี 53/54 โต 15-20%, กำไรโตไม่น้อยกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2010 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล(LHK) คงเป้าหมายรายได้งวดปี 53/54 (เม.ย.53-มี.ค.54)เติบโต 15-20% และเชื่อว่ากำไรสุทธิจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 101.27 ล้านบาท ขณะที่แผนการลงทุนในประเทศอินเดียคาดว่าจะได้ข้อสรุปราวเดือน เม.ย.54 โดยจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ LHK กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 งวดปี 53/54 (ต.ค.-ธ.ค.53) ทั้งรายได้และกำไรจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 600 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 37.76 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงปลายปี ทำให้มีการสต็อกสินค้าลดลง และมีวันหยุดค่อนข้างมาก แต่บริษัทก็มั่นใจว่าผลประกอบการจะยังใกล้เคียงกับไตรมาส 2 เนื่องจากลูกค้าของบริษั่ทมีคำสั่งซื้อแน่นอน

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมในปี 53/54 จะเติบโต 15-20% ตามเป้าหมายจากปี 52/53 ที่มีรายได้ 1.97 พันล้านบาท และกำไรสุทธิก็จะไม่น้อยกว่าเช่นกัน การเติบโตของผลประกอบการปีนี้เป็นไปตามธุรกิจยานยนต์และไฟฟ้าที่มียอดขายสูงขึ้น

สำหรับในปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะมียอดผลิต 1.65 ล้านคัน และปีหน้าเพิ่มเป็น 1.8 ล้านคัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากจะทำให้ขายท่อไอเสียรถยนต์ได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดท่อไอเสียรถยนต์ที่ประมาณ 35-36% ของตลาดรวม และในปีหน้าคาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะเพ่มขึ้นตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น

"ปีหน้ามาร์เก็ตแชร์จะขึ้นอย่างสวยงาม ตอนนี้เราก็ได้เข้าไปขายงานกับโตโยต้า และในปีหน้าก็จะมีรถอีโคคาร์ออกมาอีกจำนวนมาก มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ในส่วนของท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซค์ก็มีเราทำเจ้าเดียว ปีหน้าก็มีงานเข้ามารออยู่แล้ว"นายประสาน กล่าว

นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทให้ความสนใจการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภท HDD ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการผลิตอยู่ที่ 3% ขณะนี้บริษัทได้ศึกษาโมเดลใหม่ ๆ เพื่อรองรับตลาดในปีหน้าไว้แล้ว โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนในงวดปี 53/54 อยู่ที่ 40 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 30 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรผลิตท่อไอเสียขนาดเล็กสำหรับรถจักรยานยนต์ ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ในการซื้อเครื่องจักรดัดและงอท่อเพิ่มเติม และจะใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ ที่มีอยู่

นายประสาน กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินติดกับโรงงานในปัจจุบัน เนื้อที่ขนาด 1 ไร่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 4 ล้านบาท เพื่อเตรียมไว้ขยายธุรกิจ

ส่วนการลงทุนในประเทศอินเดีย บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าไปลงทุนได้ในช่วงไตรมาส 1-2/54 คาดว่าจะเปิดโรงงานได้ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.54 ล่าช้ากว่าเดิมที่คาดว่าจะเปิดได้ในเดือน เม.ย.54

"ที่อินเดียตอนนี้เรากำลังดูกันในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นโดยในเบื้องต้นคิดว่าเราจะถือหุ้นที่ 45% ส่วนพันธมิตรที่อินเดียถือหุ้น 55% แต่ในภายหลังจะเปลี่ยนเป็นเราถือหุ้น 55% และอินเดียเป็น 45% ซึ่งทางอินเดียก็ไม่อยากขายหุ้นให้เรา ก็เลยต้องหาข้อสรุปกันให้ได้ก่อน เงินลงทุนสร้างโรงงานที่อินเดียจะอยู่ที่ไม่เกิน 2 ล้านเหรียญ"นายประสาน กล่าว

ส่วนการลงทุนในประเทศจีน ขณะนี้บริษัทมีการพูดคุย 2 ราย ยังไม่ทราบว่าจะข้อสรุปเมื่อไหร่ และยังไม่มั่นใจว่าจะเป็น 2 รายนี้หรือไม่ แต่มองว่าตลาดจีนใหญ่มาก หากเข้าไปได้ก็จะป็นการต่อยอดธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ