(เพิ่มเติม) BECL ปรับรายได้ปี 53เป็นโต 2% มาที่ 7.7-8 พันลบ.,ปี 54 กำไรหาย 500 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2010 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุทธิดา สุขะนินทร์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็นเติบโต 2% จากเดิมประมาณการโต 0-1% หลังจากไตรมาส 3/53 เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปริมาณรถใช้ทางด่วนเพิ่มขึ้นรวมถึงยอดขายรถใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้ปริมารจราจรบนทางด่วนดีกว่าที่คาดการณ์

"ปีนี้ เราคงเห็นรายได้ที่ 7.7 -8 .0 พันล้านบาท จากปริมาณรถเฉลี่ยทั้งปีที่ 9.9 แสนคัน/วัน โตจากปีก่อน 9.5 แสนคัน/วัน"นางสุทธิดา กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 54 บริษัทยอมรับว่ากำไรสุทธิจะได้รับผลกระทบจาการสัญญาสัมปทานที่ส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทจะลดลง ในวันที่ 1 มี.ค.54 เหลือ 40% จาก 50% ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะกำไรสุทธิจะหายไปประมาณ 500 ล้านบาท แม้ว่าปริมาณการใช้ทางด่วนจะเติบโต 2%

ส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงไปมาจากทางด่วนขั้นที่ 1 และ ทางด่วนขั้น 2 เส้น A และ B ทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบเต็มที่จากการปรับส่วนแบ่งรายได้ในปี 55 แต่ในปี 56 บริษัทมีแผนจะขอปรับขึ้นค่าทางด่วนขั้นต่ำ 5 บาท

นอกจากนี้ ในปี 54 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2.9 พันล้านบาท เพื่อชดแชยหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ย. 54 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการจัดอันดับเครดิต และพิจารณาออกหุ้นกู้ในช่วงเดือน มิ.ย.54 โดยบริษัทคาดว่าจะออกหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี

นางสุทธิดา กล่าวว่า บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานส่วนต่อขยายทางด่วน หมอชิต 2 ฝั่งธนบุรี คาดว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)จะเลือกให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนรายแรก ซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวอยู่ที่ 1.8-2 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

บริษัทมีความพร้อมทางการเงินในการลงทุนดังกล่าว โดยปัจจุบัน D/E อยู่ที่เพียง 1.1 เท่า หากต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นก็คาดว่า D/E จะเพิ่มเป็น 2.5 เท่า แต่คงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวิธีระดมเงินอื่นๆ อีก ทั้งการออกหุ้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีปริมาณการใช้ทางด่วนในเส้นทาง หมอชิต 2 ธนบุรี ประมาณ 8 หมื่นคัน/วัน

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการลงทุนจำนวนมากและมีกำไรลดลง จากส่วนแบ่งรายได้ลดลงตามสัญญาสัมปทาน แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลในระดับ 40-60%ของกำไรสุทธิเพื่อตอบแทนให้นักลงทุน

"บริษัทมีสินทรัพย์ที่ลงทุนทั้งการถือหุ้นใน บมจ.น้ำประปาไทย สัดส่วน 9.24% และลงทุนในบริษัท เซาท์เทิร์นเอเซีย เอ็นเนอจี 16.67% และ บมจ.บีเอ็มซีแอล 11.68% และ บริษัท Northern Expressway ซึ่งทั้งหมดจ่ายปันผลที่ดีให้บริษัท และยังมีสินทรัพย์ในมือที่จะสร้างรายได้อีก เช่นที่ดิน โดยล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างขายที่ดินจำนวน 36 ไร่ มูลค่า 105 ล้านบาท คาดว่าจะบันทึกเป็นกำไรจากการขายที่ดินดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาส 1/54"นางสุทธิดา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ