นายสิทธิไชย มหาคุณ Head of Corporate Finance & Equity Capital Market บล.ซีไอเอ็มบี ไทย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกจาก บมจ.ดุสิตธานี (DTC) ให้เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาทางการเงินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี ที่จะเป็นเสนอขายภายในปลายเดือน พ.ย. 53 ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมกองทุนแรกที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายโรงแรม ในทำเลที่ดีที่สุด อันเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสเติบโตสูง อีกทั้งยังการันตีค่าเช่าในช่วง 4 ปีแรก
“จากการสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันหลายแห่งแสดงความสนใจการลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี เนื่องจากเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารโรงแรมของบริษัทดุสิตธานี ประกอบกับจุดเด่นของโครงสร้างกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายทำเลที่ตั้ง รวมทั้งขนาดของกองทุนที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ น่าจะสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดรองได้เป็นอย่างดี โดยต้องยอมรับว่า โครงสร้างกองทุนที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์ และขนาดกองทุนที่ใหญ่เพียงพอ เป็นโครงสร้างกองทุนที่ได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ อาทิเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีผลทางอ้อมทำให้ราคาซื้อขายในตลาดรองอยู่ในระดับที่น่าพอใจอีกด้วย" นายสิทธิไชย กล่าว
นายสิทธิไชย กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นทางเลือกที่ น่าสนใจ และเหมาะกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและแน่นอน ตลอดจนอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับน่าพอใจ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการฝากเงินธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีความผันผวนด้านราคาซื้อขายที่สูงกว่า
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนที่มีความแน่นอนในรูปเงินปันผลทุกปี ทำให้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการฝากเงินธนาคารพาณิชย์ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากสภาพคล่องของตลาดเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งแม้ว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าการปรับขึ้นจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น แนวโน้มผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากจึงยังไม่น่าจะสูงกว่าระดับปัจจุบันมากนัก ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นการลงทุนที่มีแนวโน้มผลตอบแทนดี ปกป้องความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ และโดยทั่วไปมักจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ
นักลงทุนรายย่อยเริ่มมีความเข้าใจในตราสารประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 30 กองทุน รวมทั้งจะเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ฝากเงิน และเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทางเลือกของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่มีความยืดหยุ่นกว่าในแง่ของขนาดของการลงทุน และสภาพคล่องที่มากกว่า นอกจากนี้มูลค่าของทรัพย์สินที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ลงทุน โดยเฉพาะที่ดิน ซึ่งตามปกติจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ จึงทำให้อาจได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวอีกด้วย