นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชร(DRT) ตั้งเป้ารายได้ปี 54 เติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายในระดับ 3 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือการเดินเครื่องสายการผลิตที่ 9 เต็มกำลังการผลิต
ประกอบกับ บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 20% ตั้งแต่ปลายปีนี้ เพื่อรุกตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวทางแนวรถไฟฟ้า ที่มองว่ายังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก พร้อมกับมีแผนออกสินค้าใหม่เพื่อเจาะตลาดลูกค้าต่างจังหวัด โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่ง 20% "เดิมเรามองตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 54 น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีอีกปี เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว มีการลงทุนชัดเจนจากภาครัฐและภาคเอกชน แต่พอมีปัญหาเรื่องการเมืองที่เริ่มสั่นคลอน มาตรการคุมสินเชื่อของแบงก์ชาติในภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะน้ำท่วม ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดโดยเฉพาะมาตรการคุมสินเชื่อที่ทำให้ภาคเอกชนต้องระมัดระวังและอาจชะลอการลงทุนมากขึ้น และผู้บริโภคเริ่มไม่มันใจ จึงคาดว่าตลาดวัสดุก่อสร้างในปีหน้าจะเติบโตน้อยกว่าปีนี้"นายสาธิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีหน้าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากตลาดซ่อมแซมบ้านเรือนหลังเหตอุทกภัยต่อเนื่องจากปลายปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้น่าจะมีสัดส่วนถึง 30% จากปกติอยู่ที่ 55-10% สินค้าที่จะได้รับประโยชน์น่าจะเป็นไม้ฝา หลังคา และแผ่นผนัง ขณะที่ตลาดบ้านสร้างใหม่ก็ยังน่าจะเติบโตได้ดีตามเศรษฐกิจ รวมทั้งโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจะทำให้การก่อสร้างต่าง ๆ เติบโตตามไปด้วย
ส่วนแผนทำตลาดต่างประเทศ บริษัทจะขยายตลาดส่งออกมาขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ 10% ของยอดขายรวม เป็นไปได้ที่จะเติบโตถึง 15% ซึ่งปัจจุบัน 50% ของมูลค่าส่งออกจะอยู่ในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม นอกจากนั้น ยังมีจีน โดยบริษัมมองว่าพม่าเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพสูงมากในปีหน้า หลังจากผ่านการเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และส่งผลดีต่อการใช้จ่ายในประเทศ
"พม่าปีหน้ามีแนวโน้มดี เราทำตลาดมา 7-8 ปีแล้ว เพราะภูมิอากาศคล้ายกัน ประชากรใกล้เคียงกับไทย กระเบื้องหลังคาใช้แบบเดียวกัน ต้องรอดูการเมืองภายในเป็นหลัก ถ้าพม่าปรับทิศทางจะทำให้ดีมานด์เพิ่มขึ้นก้าวหน้ามาก"นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 12 ม.ค.53 บริษัทจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อเปลี่ยนชื่อบริษัทให้สะท้อนทิศทางธุรกิจที่จะขยายไปสู่วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากอดีตที่มีแต่กระเบื้องหลังคาตราเพชร ซึ่งบริษัทได้วางไว้เป็น road map กำหนดทิศทางในอนาคต เดิมรายได้จากกระเบื้องหลังคาจะมีสัดส่วน 80% แต่อนาคตจะปรับเป็น 60% ที่เหลือเป็นผนังและสินค้าอื่น
และในอนาคตบริษัทก็จะมีการขยายการผลิตสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตโครงหลังคาเหล็ก เพื่อให้บริการลูกค้าในการวางหลังคาได้มากขึ้นกว่าการขายกระเบื้อง ซึ่งอาจจะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเทคโนโลยี จากเดิมที่นำของฮาร์ดเลย์ของอังกฤษเข้ามา คาดว่าการผลิตเองจะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก และน่าจะเปิดตัวสินค้าดังกล่าวได้ภายในเดือน พ.ค.54
นายสาธิต กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลได้ไม่ต่ำกว่าเดิมที่เคยจ่ายมากกว่านโยบายที่กำหนดไว้ที่ 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปี 52 บริษัทมีกำไรสุทธิ 376 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล 30 สต./หุ้น และในปีนี้คาดว่าจะกำไรไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 18 สต./หุ้น ครึ่งปีหลังที่มีผู้คาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 18 สต./หุ้นก็ไม่น่าจะเสียหายที่จะจ่าย บริษัทก็จะรับไว้พิจารณา
"หลัง ๆ ผู้ถือหุ้น DCC มาถือหุ้น DRT มากขึ้น เพราะ DRT มีหลายอย่างคล้ายกับ DCC ช่องทางการจัดจำหน่ายคล้ายกัน เพิ่มกำลังผลิตเท่าไหร่ก็เต็ม ปันผลเกินกว่านโยบาย"นายสาธิต กล่าว