บมจ.เอเชียกรีน(AGE) ปรับเป้าหมายยอดขายปี 54 เป็นเติบโต 30-40% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโต 20% โดยคาดว่ายอดขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้านตัน จากปีนี้ที่คาดว่าทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย 1.22 ล้านตัน และคาดว่าในปีหน้าจะได้ข้อสรุปดีลเจรจาลงทุนเหมืองถ่านหินในต่างประเทศ
และบริษัทคาดว่าในปี 53 กำไรสุทธิจะเติบโตมาที่เกินกว่า 120 ล้านบาท ถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัท ส่วนในปี 54 คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเติบโต 1% จากปี 53 ที่อยู่ในระดับ 4%
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทกำหนดเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 53 ประมาณ 30% - 40% หรือไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านตัน เนื่องจากประเมินว่าทิศทางของความต้องการทางด้านเชื้อเพลิงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการหันมาใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นทางเลือกที่ต้นทุนถูกกว่า จึงทำให้ถ่านหินเป็นพลังงานทางเลือกของผู้ประกอบการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม ที่ต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงในราคาที่ต่ำ เพื่อควบคุมต้นทุนของผู้ประกอบการเอง
ประกอบกับทาง AGE จะมุ่งเน้นการทำตลาดเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อนึ่ง รายได้จากการขายรวมงวด 9 เดือนปี 2553 เท่ากับ 2,101ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 1,511.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 20% คาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งในไตรมาส 4/53 รรายได้น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53 เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจและความต้องการถ่านหินที่มีมากขึ้น ประกอบกับราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นมาก
นายพนม กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ AGE จะมีการเพิ่มทุน 35 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมราคาหุ้นละ 4 บาท ในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ พร้อมแถมวอร์แรนท์ 1 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 2 หน่วย เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนรองรับการขยายตัวธุรกิจของบริษัทฯ วางแผนรุกตลาดต่างประเทศ คาดสามารถเสนอขายหุ้นได้แล้วเสร็จในช่วงต้นปี 54
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 140 ล้านบาท และอาจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 420 ล้านบาท ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ทั้งจำนวน ในราคาใช้สิทธิ 4 บาทต่อ 1 หุ้นสามัญ เพื่อเป็นการสำรองสำหรับการลงทุนในอนาคต รวมทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและบริษัทย่อย
นายพนม กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะก่อสร้างท่าเรือและคลังสินค้าเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร และอยุธยา เป็นการรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต เบื้องต้นคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จ 1 แห่งภายในปี 55 และภายในปี 56 อีก 1 แห่ง โดยจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1-1.9 พันล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะนำเงินมาจากเงินกู้ 75% ส่วนอีก 25% เป็นเงินสดของบริษัทที่ได้จากการเพิ่มทุน
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาทำเหมืองถ่านหินร่วมกับพันธมิตรในอดีหลายประเทศ คาดว่าจะข้อสรุปภายในปีหน้า
ปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา โดยมีกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 53 และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้แล้วเสร็จในช่วงต้นปี 54
“การเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของกลุ่มบริษัทในระยะยาวเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ลดลง และเป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนการขยายงานด้านการลงทุน และช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตอย่างมากและต่อเนื่อง บริษัทจึงมีแผนจัดหาเงินทุน เพื่อให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ รองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้จัดทำแผนและมีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว"นายพนม กล่าว