นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) ในไตรมาส 4/53 ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท แต่ยอมรับว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้อาจไม่ดีนัก เพราะจำนวนวันที่โรงไฟฟ้า BLCP เดินเครื่องลดลง ขณะที่ปริมาณผลผลิตถ่านหินน่าจะต่ำลง จากผลกระทบปัญหาน้ำท่วมในจีนและอินโดนีเซียที่มีภาวะฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้น ทั้งปี 53 ปริมาณการผลิตถ่านหินน่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาที่ 22 ล้านตัน จากเดิมคาดไว้ 23 ล้านตัน แต่ในปี 54 เป้าหมายปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 26 ล้านตัน โดยบริษัทจะมีการประกาศทบทวนตัวเลขกำลังผลิตสำรองของบริษัทเพิ่มเป็นเฉลี่ย 15 ปี จากเดิมเฉลี่ย 12 ปี หลังการเข้าซื้อกิจการของ Centennial
นายชนินท์ กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะมีกลยุทธในการมุ่งไปที่ธุรกิจเหมืองถ่านหินเป็นหลัก แต่ก็ยังไม่มีแผนจะขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไปอีกในขณะนี้ เพราะการขายหุ้นบริษัท PT Indo Tambangraya Megah(ITM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย และการขายหุ้น RATCH เพื่อต้องการให้งบดุลมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสัดส่วนหนี้สินยต่อทุน(DE)ลดลงจากที่สูงเกิน 1 เท่ามาเหลือที่ประมาณ 1 เท่า
และยืนยันว่าไม่ได้ขายหุ้นเพื่อรองรับการเติบโตของโครงการโรงไฟฟ้าและเหมืองหงสา เนื่องจากเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งมาจากการกู้สถาบันการเงินและเงินสดในมือ โดยยังคงแผนการเดินเครื่องไว้ในช่วงปลายปี 58
นายชนินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนในปี 54 โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงต้นปี แต่เบื้องต้นบริษัทยังคงมองหาซื้อธุรกิจด้านเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมอีก โดยพื้นที่สำคัญคือจีนและออสเตรเลีย แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเจรจาอยู่กี่ราย เพราะมีการทบทวนอยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะได้ข้อสรุปในการลงทุนจึงจะเปิดเผยได้
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทจะพิจารณาออกหุ้นกู้ จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์และบาท