SGPคาดปี 54 รายได้โต 40%,เล็งประมูลซื้อคลังก๊าซในมาเลย์-สนใจฟิลิปปินส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 24, 2010 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ปิโตรเคมิคัลส์ จำกัด (SGP) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายปี 54 เติบโต 40% จากปีนี้ที่เติบโตตามเป้าหมายที่ 15% เนื่องจากในปีหน้าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยจะรับรู้รายได้จาก BPZH ตั้งแต่ไตรมาส 1/54 และรับรู้รายได้จากเชฟรอน โอเชียน แก๊สฯ ตั้งแต่ไตรมาส 2/54

อนึ่ง SGP เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท BP Zhuhai LPG Limited. (BPZH) ซึ่งเป็นคลังเก็บก๊าซ LPG ขนาด 2 แสนตัน ณ เมืองจูไห่ ประเทศจีน ด้วยมูลค่า 3,091.72 ล้านบาท และเข้าซื้อหุ้น 99% ในบริษัท เชฟรอน โอเชี่ยนแก๊ส แอนด์ เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือและคลังเก็บแอลพีจีขนาด 1แสนตัน

นอกจากนั้น บริษัทมีแผนจะซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับก๊าซ LPG เพิ่มอีก โดยบริษัทจะเข้าประมูลซื้อคลังก๊าซ LPG ขนาดใหญ๋ในมาเลเซียช่วงไตรมาส 1/54 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าการเข้าซื้อกิจการในประเทศเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา และยังสนใจธุรกิจ LPG ในประเทศฟิลิปปินส์ด้วย โดยเป็นเป้าหมายผู้ที่มีคลังแก๊ส LPG รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน

นางจินตณา กล่าวว่า ในประเทศไทยก็จะมีการขยายคลังก๊าซ LPG ที่ถนนสุขสวัสดิ์ หลังจากได้รับอนุญาตแผน EIA เมื่อต้นเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าหากแล้วเสร็จจะมีความจุเบื้องต้น 2,500 ตัน และสามารถขยายไปถึง 2.5 หมื่นตันในอนาคต ซึ่งคลังก๊าซแห่งนี้เป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากคลังก๊าซที่ถนนสาธุประดิษฐ์ ที่ปัจจุบันเต็มความจุแล้วและเป็นพื้นที่เช่า

พร้อมกันนั้น บริษัทจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการก๊าซ LPG อีก 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 30 แห่ง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละ 60 ล้านบาท พื้นที่สำคัญจะเน้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด และบริษัทยังจะซื้อเรือขนส่งก๊าซขนาดใหญ่ 4.5 หมื่นตัน มูลค่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะส่งมอบได้ต้นปีหน้า ซึ่งจะชวยเพิ่มขนาดกองเรือจากปัจจุบันที่มีจำนวน 4 ลำ

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคตนั้น บริษัทจะระดมเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ในช่วงต้นปีถึงกลางปี 54 วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำอันดับเครดิต ซึ่งบริษัทมีวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 3 พันล้านบาท และยังมีแผนจะกู้เงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงการขายหุ้นที่ซื้อคืน 31 ล้านหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าราคาหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 20 บาท คาดว่าจะได้เงินเข้ามาราว 1 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ