CK มีงานรอเซ็นกว่า 9หมื่นลบ.,แบ่งขายหุ้น"บางปะอินฯ"-"ไซยะบุรี"สรุปปี54

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 24, 2010 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง(CK)กล่าวว่า บริษัทมีงานที่รอเซ็นสัญญาทั้งในและต่างประเทศกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 54 เป็นเวลา 6-7 ปี จากมูลค่างานคงค้างในมือปัจจุบันมีอยู่ 1.3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ งานที่รอเซ็นสัญญาดังกล่าวจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีมีความเสี่ยงสูงเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นในงานเหล่านี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

นายปลิว กล่าวว่า การเข้าประมูลงานของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่มีการแข่งขันด้านราคาลดน้อยลง เนื่องจากจำนวนงานมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีหน้าคาดว่าในประเทศจะมีการเปิดประมูลงานอีกหลายแสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ระบบน้ำ รถไฟความเร็วสูง ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านการเมือง แต่เชื่อว่าโครงการสำคัญอย่างรถไฟฟ้าน่าจะมีการเปิดประมูลได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะมีแผนเข้ารับงานเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่มีแผนจะเพิ่มทุน เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงาน รวมถึงการลงทุนในบริษัทต่างๆ ยังเป็นที่น่าพอใจ

"จากตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโต ปีหน้ารายได้และกำไรของเราก็ไม่น่าจะน้อยกว่าปีนี้ แต่ให้ประเมินเป็นตัวเลขคงลำบาก"นายปลิว กล่าว

ด้านนายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน CK กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขายหุ้นบางส่วนจาที่ถืออยู่ 81% ในบริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 120 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 36% ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาผู้ซื้อหุ้น 45% โดยเจรจากับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าต้นปีหน้าจะทราบผลที่ชัดเจน

ทั้งนี้ บางปะอิน โคเจนฯ ยังเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 120 เมกะวัตต์ รอบใหม่ของการไฟฟ้าการผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)อีก 1 โครงการ

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะขายหุ้นบางส่วนในโครงการไซยะบุรี จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่เกินกว่า 95% แต่มีเงื่อนไขต้องเหลือถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 30% คาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จในต้นปี 54 เช่นเดียวกัน

นายวรพจน์ กล่าวว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแผนลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในช่วงต้นปี 54 โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ จ.นครราชสีมม ขนาดกำลังผลิต 6 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 55 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 708 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในราวเดือน เม.ย. 54

และอีก 1 โครงการตั้งอยู่ที่ จ.เชียงราย โดยถือหุ้น 30% มีกำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนตามสัดส่วนถือหุ้นที่ 75 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ ในช่วงเดือน เม.ย.54 เช่นเดียวกัน

และ บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 100 เมกะวัตต์ เม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 100 ล้านบาท /1 เมกะวัตต์ โครงการทั้งหมดได้รับการสนุบสนุนส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (adder) จากรัฐบาลหน่วยละ 8 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ