ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลเศรฐกิจสหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง150.91 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 25, 2010 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค รายได้ส่วนบุคคล และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเชื่อมั่นว่ายอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีจะเพิ่มขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 150.91 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 11,187.28 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.62 จุด หรือ 1.49% ปิดที่ 1,198.35 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 48.17 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 2,543.12 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq มีอยู่ราว 6.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 5 ต่อ 1 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากทางการสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยเฉพาะตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลวันหยุดของปี โดยเฉพาะในวัน Black Friday ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของฤดูการจับจ่ายสินค้าในช่วงสิ้นปี และเป็นหนึ่งในวันสำคัญที่บรรดาผู้ค้าปลีกจะนำสินค้าออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. ร่วงลง 34,000 ราย แตะระดับ 407,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ก.ค.2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ ทางการสหรัฐรายงานว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในส่วนของผู้บริโภคที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.9% ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำหนดไว้ที่ 1.7 - 2.0% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่สนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ของเฟด

นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในส่วนของผู้บริโภคและตลาดแรงงานช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ดีดตัวขึ้น หลังจากถูกทุบลงอย่างหนักจากเหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จนทำให้เกิดความกังวลว่าจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีบานปลาย และเหตุการณ์ดังกล่าวยังฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลยังเป็นปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งพอจะสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 3.3% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจวางแผนลดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าทุน

หุ้นทิฟฟานีซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดสหรัฐและตลาดต่างประเทศ ขณะที่หุ้นโคช อิงค์ ปิดพุ่ง 3.7%

*ตลาดหุ้นและตลาดการเงินของสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 25 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ