นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E) ผู้ประกอบการผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง เปิดเผยว่า ในปี 54 คาดว่ารายได้จะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับปี 53 ที่เติบโตราว 10-15% เนื่องจากธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างยังเติบโตได้ดี ในขณะเดียวกันจะรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตสินค้า LED เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
บริษัทคาดว่ารายได้จากการขาย LED ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ จะสามารถเติบโตได้ถึง 30-50% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้ 100 ล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อมารออยู่แล้ว และจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 25% เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นดี และลูกค้ามีความต้องการสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โรงงานผลิตโคมไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และอุปกรณ์แสงสว่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ LED ภายใต้บริษัท แอล แอนด์ อี โซลิดสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะทดลองเดินเครื่องการผลิตในเดือนธันวาคมนี้ และสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมกราคมปี 2554 โดยโรงงานดังกล่าวจะรองรับความต้องการสินค้า LED ทั้งตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน หลังพบความต้องการขยายตัวรวดเร็ว
นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้โครงการในประเทศเวียดนามที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเริ่มมีรายได้เข้ามาตั้งแต่กลางปี 54 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 8% จากปีนี้อยู่ที่ 6% และยังมีแผนรับงานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยสนใจในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ รวมถึงภูมิภาคแถบอาเซียน
"จากการเติบโตในประเทศเราขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว และการเริ่มงานต่างประเทศก็ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี เชื่อว่ามีโอกาสขยายงานได้อีกเป็นจำนวนมาก"นายปกรณ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/53 ยังขยายตัวโดดเด่นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/53 เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการอุปกรณ์แสงสว่าง เพื่อใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมร้านค้าต่างๆ รวมถึงอาคารบ้านเรือนมากขึ้นจากช่วงต้นปีที่มีสถานการณ์การเมือง รวมถึงสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งตามปกติธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นฤดูกาลขาย โดยเฉพาะในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มียอดขายดีที่สุดของปี ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ โดยเน้นความสามารถบริหารต้นทุนสินค้าในสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนสินค้าเฉลี่ยลดลง และสะท้อนให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 600 ล้านบาท
นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า โชว์รูมที่รัชดาภิเษกที่เปิดตั้งแต่ปี 52 นั้น ขณะนี้เริ่มมีกำไรเข้ามาแล้ว และถือเป็นช่องทางการให้บริการที่ครบวงจร ซึ่งภายใน 1-2 ปี อาจจะมีเปิดโชว์รูมเพิ่มเติมอีกใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งมองทำเลในจังหวัดใหญ่อย่าง ภูเก็ต และพัทยา