หุ้น SYMC เปิดเทรดวันแรกที่ 12 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 3.2 บาท(+36.36%)จากราคาจองซื้อที่ 8.80 บาท/หุ้น
บล.เอเชีย พลัส ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบมจ. ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น (SYMC)ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 8.14-9.62 บาท ด้วยการอิง PER ที่ 11-13 เท่า
แม้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2553 ของ SYMC จะเติบโตเพียงเล็กน้อยราว 2% yoy เป็น 195 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลท. และการย้ายอาคารสำนักงาน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2554 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นได้ตามแผนการขยายพื้นที่ให้บริการ ขณะที่ค่าใช้จ่ายจะลดลง เพราะคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง หลังบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนบางส่วนไปชำระหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นที่มีอยู่ทั้งหมด 30 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะทำให้กำไรปี 2554 เติบโตได้ราว 14% yoy และช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2553-54 เติบโตเฉลี่ย 7.4% แต่การเพิ่มทุนครั้งนี้จะเกิดผลกระทบ (dilution effect) กับกำไรต่อหุ้น (EPS) ราว 25% ซึ่งทำให้ EPS ในช่วงเดียวกันปรับลดลงเฉลี่ยราว 6.9%
บริษัทมีฐานะการเงินเข้มแข็ง โดย ณ สิ้นงวด 1H53 มีสินทรัพย์รวม 533 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 77% อยู่ในรูปของอุปกรณ์โครงข่ายและอุปกรณ์สำนักงาน ที่เหลือเป็นลูกหนี้การค้า เงินสด และสินทรัพย์อื่น ในสัดส่วน 14%, 4% และ 9% ตามลำดับ ขณะที่มีหนี้สินทั้งสิ้น 142 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นหนี้สินระยะสั้น และมีอัตราส่วน Net gearing อยู่ที่ 0.02 เท่า
ภายหลังจากได้รับเงินจากการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก เพราะบริษัทจะมีการชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นหมดทั้งจำนวน 30 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่เติบโตตามฐานกำไรปี 2553-2554 ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 8% ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2553 มีสถานะเป็น net cash ส่วนปี 2554 จะมี net gearing เพียง 0.015 เท่า
SYMC เสนอขายหุ้น IPO 72 ล้านหุ้น โดยบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สองประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)โดยใบอนุญาตมีระยะเวลา 15 ปี และเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือน มีนาคม 2550 ภายใต้แบรนด์ "Symphony"โครงข่ายหลักของบริษัทครอบคลุมทุกพื้นที่ในย่านธุรกิจในกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล โครงข่ายหลักตั้งอยู่บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งจะสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ