นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิร์ค(PERM) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปี 54 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตมากกว่า 30% ขึ้นไป จากปี 53 ที่คาดว่ารายได้น่าจะเกินกว่า 3,000 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 30% จากปีก่อน เนื่องจากปีหน้ามีกำลังการผลิตเพิ่มจากโรงงานแห่งใหม่ โดยเฉพาะเหล็กรีดร้อนที่มีคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)เข้ามารอแล้วค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้โรงงานใหม่ได้ติดตั้งเครื่องจักรครบหมดแล้ว
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัทในปีหน้า มาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากการเมืองเริ่มนิ่งแล้ว และความต้องการเหล็กตอนนี้มีมากขึ้น ที่สำคัญหลังจากน้ำท่วมก็เริ่มมีการก่อสร้างซ่อมแซม รวมถึงการขยายโรงงานในภาคการผลิต จึงมองว่ายอดการผลิตในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ออร์เดอร์เหล็กแผ่นรีดเย็นที่ใช้สำหรับอุตฯรถยนต์มาแล้ว ปริมาณการใช้ก็มากขึ้น เครื่องจักรที่ติดตั้งไว้ในโรงงานเหล็กแห่งใหม่ขณะนี้ test run แล้ว 60% กว่า คาดว่าต้นปี 54 จะเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ 100% ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิมเพิ่มเข้ามาประมาณ 20% ในปีหน้า จากปัจจุบันที่ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ประมาณ 5,000 ตัน/เดือน ก็จะเพิ่มเป็น 6,000 ตัน/เดือน (ส่วนที่เพิ่มเฉพาะเหล็กรีดเย็น)
ดังนั้น รายได้จากโรงงานแห่งใหม่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ ม.ค.54 เป็นต้นไปรายได้จะเข้ามาเพิ่มอีก 10% กว่า สำหรับป้อนให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ เฉพาะในส่วนของเหล็กรีดเย็นที่ปัจจุบันรายได้ทั้งปีอยู่ที่ประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาท ปีหน้าก็จะเพิ่มอีก 10% กว่า
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของ PERM มาจากเหล็กรีดเย็น 40% เหล็กรีดร้อน 40% ที่เหลือเป็นเหล็กเคลือบ
นายชูเกียรติ กล่าวว่า งบลงทุนในปี 54 ไม่น่าจะมากแล้ว เพราะโรงงานใหม่มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาทเสร็จเรียบร้อยและติดตั้งเครื่องจักรไปแล้ว ปีหน้าเบื้องต้นคงยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่ม แต่คงเป็นเรื่องของการเพิ่มยอดขายมากกว่า มองการลงทุนตอนนี้คิดว่าพอเพียงแล้ว
*รายได้-กำไร Q4/53 ดีกว่า Q3/53 ออร์เดอร์ล่วงหน้าเพียบ
นายชูเกียรติ คาดผลประกอบการในช่วงปลายปีนี้ว่า แนวโน้มไตรมาส 4/53 ทั้งรายได้และกำไรน่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53 เพราะเป็นช่วงของการขาย และคงจะดีต่อเนื่องถึงปีหน้า อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 1-3 ของปีนี้เมื่อเปรียบเทียบปีที่แล้วทั้งรายได้และกำไรก็สูงขึ้นมากว่า 100% แล้ว
อนึ่ง งวด 9 เดือน มีรายได้รวม 2,637.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.61% ขณะกำไรสุทธิที่ 44.44 ล้านบาท เติบโต152.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ทั้งปี 52 มีรายได้ 2.35 พันล้านบาท
"ปริมาณขายตอนนี้ต้องดูตามอุตสาหกรรมแต่ละอย่าง เช่น รถยนต์กีมีการส่งออกเยอะ การย้ายฐานลงทุนในมาไทยก็เยอะ ส่วนเหล็กรีดร้อน การก่อสร้างตอนนี้เริ่มขยายตัว 2 ตัวนี้ทำให้ภาพรวมดีขึ้นทั้งระบบในอุตสาหกรรมเหล็ก ปีหน้าภาพรวมก็ยังดีอยู่"นายชูเกียรติ กล่าว
สำหรับเหล็กรีดร้อนเน้นการขายให้กับโรงงานผลิตท่อและเหล็กรูปตัวซีเพื่อใช้ในการก่อสร้าง ส่วนเหล็กรีดเย็นเน้นส่งขายให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ และผลิตภัณฑ์สำหรับเหล็กหลังคาโรงงานก็จะขายในรูปเหล็กม้วนให้กับลูกค้า ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตทุกอุตสาหกรรม โดยขณะนี้มีออร์เดอร์ล่วงหน้าเหล็กรีดร้อนกว่า 10,000 ตัน เหล็กหลังคา 4 แสน ตร.ม.หลังจากที่เหล็กผลิตเสร็จแล้วก็ส่งตรงให้ลูกค้าไปได้เลย
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 6-7% จากปีที่แล้วที่ 4-5% เนื่องจากปีนี้พยายามลดค่าใช้จ่ายและควบคุมของเสียและเพิ่มรายได้เข้ามาตรงนี้เป็นส่วนที่ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ในส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้ประมาณ 4-5% เพิ่มจากปี 52 ที่ประมาณ 2% ทำให้คาดว่าปีนี้ทั้งรายได้และกำไรจะดีกว่าปี 52 อย่างมาก
ส่วนกรณีที่เงินบาทแข็งค่า ทำให้บริษัทได้รับผลดีจากนำเข้าวัตถุดิบประมาณ 40% ขณะที่ไม่มีการส่งออกเลย เน้นขายในประเทศอย่างเดียว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ราคาหุ้น PERM ยังไปได้เรื่อยๆ เพราะฐานต่ำอยู่แล้ว ช่วงนี้ยังไม่มีพันธมิตรมาเจรจาซื้อหุ้น ปัจจุบันกลุ่มยงวงศ์ไพบูลย์ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 30%