นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทมีแผนเข้าลงทุนในประเทศพม่า และกัมพูชา โดยเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตท้องถิ่น เพื่อเข้าดำเนินธุรกิจเทรดดิ้ง เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายสินค้า โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 51%
สำหรับธุรกิจในเวียดนาม บริษัทจะเน้นการเพิ่มยอดขาย หลังจากได้เพิ่งเข้าลงทุนในโรงงานแปรรูปกระดาษชำระ โรงงานผลิตแก้ว และกำลังเจรจาซื้อกิจการอีก 1 แห่ง
ส่วนแผนลงทุนในประเทศอินโดนีเซียเฟส 2 แม้มีประชากรจำนวนมาก 200-300 ล้านคน แต่เป็นประเทศที่ห่างจากไทย และบริษัทยังไม่สามารถหาพันธมิตรที่น่าพอใจ และเชื่อใจได้
"เรายังต้องการเติบโตในอินโดจีนให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน โดยโฟกัสไปที่เวียดนาม อนาคตการเติบโตจะมุ่งเน้นไปที่คอนซูเมอร์ และเทรดดิ้งมากขึ้น" นายอัศวิน กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหุ้นบริษัท มาลายา กล๊าส ในไทย เพิ่มเป็น 100% จากปัจจุบันถือ 70% คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/54 รวมทั้งมีแผนย้ายโรงงานผลิตแก้วที่ย่านราษฎร์บูรณะ เนื้อที่ 40-50 ไร่ เพื่อย้ายไปโรงงานมาลายา กล๊าส จ.สระบุรี ภายใน 2-3 ปี
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุนบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียมร่วมกับบริษัท บอล-คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม รายใหญ่ของสหรัฐ คาดว่าจะมีแผนชัดเจนใน H1/54 และคาดว่าใช้เวลาดำเนินการ 1 ปี-1 ปี 6 เดือน
นายอัศวิน กล่าวว่า ยอดขายในปี 53 มั่นใจว่าจะเติบโตเกิน 10% โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายเติบโต 13.6% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นการเติบโตจากธุรกิจเดิม และการซื้อกิจการก่อนหน้านี้
บริษัทมีแผนแก้ไขฟรีโฟลตในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ระดับต่ำ คาดว่ามีข้อสรุปในไตรมาส 1/54 โดยมีการพิจารณาใน 3 แนวทาง คือการจ่ายปันผล เป็นหุ้นปันผล , การลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อนำไปขายในตลาดหุ้น และการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
"การแตกพาร์เราเคยทำมาแล้ว และคิดว่าไม่ใช่ออฟชั่นเข้ามาแก้ไขเรื่องฟรีโฟลตได้ ส่วนเรื่องเพิ่มทุน ถ้าไดลูทโดยผู้ถือหุ้นไม่ได้รับผลตอบแทนก็ไม่น่าทำ ยกเว้นแต่จะเพิ่มทุนไปขยายกิจการ" นายอัศวิน กล่าว