หุ้น SYMC ปิดเทรดวันแรกที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท(+22.73%)จากราคาจองซื้อที่ 8.80 บาท/หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 1,171.14 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 12.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.30 บาท
บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมิน บมจ.ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น(SYMC)ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ SYMC ตามอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขยายตัว การเพิ่มทุนล่าสุดจะช่วยเพิ่มศักยภาพการขยายโครงข่ายของบริษัทให้รวดเร็วและกว้างขวางขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรเติบโตในอัตราเฉลี่ย 11% ต่อปี ในระยะ 3 ปีข้างหน้า จึงประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 54 ไว้ที่ 8.90 บาท (อิง PER 12 เท่า เทียบกับประมาณการ PER เฉลี่ย 13.2 เท่าของกลุ่มไอซีที)
SYMC มีกำไรสุทธิ 45.5 ล้านบาทใน 3Q53 ลดลง 8%QoQ และ 10%YoY แม้รายได้ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้งาน (+2.5%QoQ และ 1.8%YoY)แต่การเร่งตัวของค่าใช้จ่ายในการให้บริการ และบริหารกลับเร่งขึ้นมาก (จาก 16.0% เทียบกับรายได้ใน 3Q52 เป็น 15.9% ใน 2Q53 และ 18.4% ใน 3Q53) ทำให้กำไรชะลอตัว ฐานะการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ แต่อัตราการหมุนเวียนสภาพคล่องต่ำเพียง 0.75 เท่า ซึ่งเราคาดว่าอัตราส่วนนี้จะปรับตัวดีขึ้น หลังรับรู้ผลของการเพิ่มทุน IPO ใน 4Q53
แนวโน้มกำไรจะเห็นเด่นชัดในปี 54 และเร่งตัวขึ้นในปี 55 โดยประเมินว่าธุรกิจบริการให้เช่าวงจรยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากแรงขับเคลื่อนหลักจากการให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแล้ว ยังมีความต้องการเชื่อมต่อข้อมูลในภาคธุรกิจช่วยผลักดันด้วย ทั้งนี้ SYMC มีกำไรสุทธิรวม 146 ล้านบาท ลดลง 3%YoY คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยไม่มีการปรับประมาณการแต่อย่างใด ขณะที่การขยายธุรกิจในอัตราเร่ง จากเงินเพิ่มทุน IPO(เดิมเติบโตด้วยเงินหมุนเวียนภายในเท่านั้น) จะหนุนให้กำไรเติบโต 12% ในปี 54 และเร่งตัวขึ้นอีก 19% ในปี 55 Financial and Valuation FY Ended 31 Dec 2008
อนึ่ง SYMC เสนอขายหุ้น IPO 72 ล้านหุ้น โดยบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สองประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)โดยใบอนุญาตมีระยะเวลา 15 ปี และเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2550 ภายใต้แบรนด์"Symphony"โครงข่ายหลักของบริษัทครอบคลุมทุกพื้นที่ในย่านธุรกิจในกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล โครงข่ายหลักตั้งอยู่บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งจะสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ