บมจ. โกล์ว พลังงาน (GLOW)คาดว่าในปี 54 กำไรไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนจะเติบโตไม่ถึง 15% รับผลจากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะในลาวได้รับผลกระทบจากภาวะแล้ง รวมทั้งต้นทุนถ่านหินสูงขึ้น ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนราว 4-9 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันและหาซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่ม ขณะที่แผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 120 เมกะวัตต์ในลาวคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 54
ส่วนปี 53 กำไรไม่รวม FX คาดว่าจะเติบโต 25-30% ตามเป้าหมาย
นายสุทธิวงศ์ คงศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน GLOW กล่าวว่า บริษัทคงเป้ากำไรไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้เติบโต 25-30% หลังจากการดำเนินงานทุกอย่างในปีนี้เป็นไปตามแผนงาน แม้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน CFB-3 ซึ่งมีกำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์จะก่อสร้างล่าช้าออกไปประมาณ 10 เดือน จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดเดินเครื่องได้ภายในเดือน ม.ค.53 โดยเลื่อนมาเป็นเดือน พ.ย.53 แต่บริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากได้รับเงินชดเชยความล่าช้าจากผู้รับเหมา
ขณะที่ในปี 54 บริษัทคาดว่ากำไรไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนจะเติบโตไม่เกิน 15% หลังโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ประเทศลาวไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่ เพราะมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอจากผลกระทบปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับ ต้นทุนราคาถ่านหินในปีหน้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก 20 เหรียญ/ตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 75 เหรียญ/ตัน ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตให้เพิ่มขึ้นและลดทอนกำไรไปประมาณ 200 ล้านบาทในปีหน้า
ประกอบกับบริษัทมีภาระภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นในปีหน้า หลังจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสิ้นสุดอายุลง ส่วนการแข็งค่าของเงินบาทกระทบกับบริษัทไม่มากนัก
นายสุทธิวงศ์ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 4-9 พันล้านบาท โดยจะเป็นหาแหล่งเงินจากทั้งการกู้จากสถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้ เพื่อนำมาจ่ายเงินค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันประมาณ 4 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 75% แต่คาดว่าการก่อสร้างอาจจะล่าช้าไป 2-4 เดือน จากเดิมคาดว่าจะสร้างเสร็จ 9 พ.ย.54 ทำให้รายได้หายไปคาดการณ์ประมาณ 300 ล้านบาทในปีนี้
สาเหตุที่ล่าช้ามาจากการจัดทำผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชน(HIA) ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ทางการพิจารณาได้ภายในเดือน ม.ค.54 และผู้รับเหมาสร้างไม่ทัน แต่บริษัทก็จะได้รับค่าชดเชยที่ก่อสร้างล่าช้าราว 5.6 แสนเหรียญ/วัน หรือคิดเป็น 16-17 ล้านบาท/วัน
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนซื้อโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มเติมขนาด 140 เมกะวัตต์ และ 110 เมกะวัตต์ ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปลวกแดง ซึ่งเป็นการซื้อจากบริษัทแม่ คาดว่าจะใช้เงินราว 4 พันล้านบาท และบริษัทกำลังศึกษาการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพ่มเติมในประเทศลาวขนาด 120 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 150-200 ล้านเหรียญ น่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีหน้า และอาจจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 55 เม็ดเงินลงทุนน่าจะมาจากผลประกอบการโรงไฟฟ้าห้วยเหาะในลาว