(เพิ่มเติม) KBANK จับมือ 15 แบงก์ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรหวังรุกลูกค้าญี่ปุ่นในไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 29, 2010 15:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้จับมือกับสถาบันการเงินของญี่ปุ่น 15 แห่ง ในการให้บริการทางการเงินแก่บริษัทของญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อให้บริการทางการเงินครบวงจรต่อเนื่องจากที่ลูกค้าได้รับบริการที่ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งทีมญี่ปุ่น เพื่อดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยมีเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าญี่ปุ่นถึง 30 คน ซึ่งมากที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ของไทย และได้เปิดตัวสำนักงานผู้แทนกรุงโตเกียวในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นช่องทางในการให้ข้อมูล สนับสนุนการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างลูกค้าของทั้ง 2 ประเทศ

และ ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายที่จะทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุด และยังคงเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 3,000 ราย แต่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 12% เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ยังคงนิยมใช้บริการธนาคารพาณิชย์ของญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดสาขาในไทยเป็นหลัก ดังนั้นการเจาะธุรกิจบริษัทญี่ปุ่นในไทยด้วยการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุม ด้วยบริการที่สะดวกกว่า จะเป็นช่องทางการขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นที่ดีที่สุด

ธนาคารฯ ตั้งเป้าที่จะเป็นธนาคารไทยในใจนักลงทุนญี่ปุ่น (The Most Preferred Thai Local Bank) และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นในไทยเป็น 18% ภายในปี 2555 รวมทั้งมีโครงการจะเพิ่มพันธมิตรที่เป็นธนาคารญี่ปุ่นอีก 5-6 ธนาคารภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มี 13 ธนาคารที่เซ็นสัญญาความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย และธนาคารพันธมิตรอีก 2 ธนาคาร ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นของธนาคารในระยะยาวเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ มีบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยกว่า 7,000 บริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความต้องการใช้บริการทางการเงินในปริมาณมาก ขณะที่สถาบันการเงินของญี่ปุ่นในประเทศไทยยังให้บริการได้ไม่ครบทุกมิติและมีจำนวนน้อย

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังได้จัดการสัมมนาความร่วมมือทางธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น และงานจับคู่ธุรกิจทางการค้าไทย ญี่ปุ่น 2010 (Thai- Japan Business Summit and Business Matching 2010) ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย. 2553 เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างลูกค้าธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการธุรกิจให้ลูกค้าและธนาคารพันธมิตรผ่านการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการจับคู่ทางธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น (Thai-Japan Business Matching) ในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจและร่วมลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้แก่ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย และพันธมิตร โดยคาดว่าจะมีการเจรจาธุรกิจประมาณ 200 ราย และมีมูลค่าซื้อขายประมาณ 500 ล้านบาท

นายบัณฑูร กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนญี่ปุ่นที่จะย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้น เพราะต้นทุนในไทยยังถูก มีแรงงานและโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ขณะที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบในสังคมไทยด้วย

และความร่วมมือครั้งนี้ คาดหวังว่าธนาคารจะได้ฐานลูกค้าญี่ปุ่นมากขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระดับเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น แต่ถ้าเทียบระดับสินทรัพย์แล้วมีมูลค่าเทียบเท่าธุรกิจขนาดใหญ๋ของไทย โดยความร่วมมือไม่เฉพาะการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น แต่จะมีทั้งการให้บริการที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งการบริหารเงินสด การจ่ายเงินเดือนพนักงาน การเปิดเอกสารการค้าระหว่างประเทศ

"ส่วนลูกค้าญี่ปุ่นที่มาขอสินเชื่อกับแบงก์ หากเรามีการพิจารณาความเสี่ยงได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากประเมินความเสี่ยงไม่ได้ เราก็จะให้แบงก์ญี่ปุ่นที่ส่งลูกค้ามาร่วมประเมินความเสี่ยงด้วย ส่วนผลประโยชน์ที่ได้ก็มีการแบ่งกัน โดยมีข้อตกลงเป็นการภายใน" นายบัณฑูร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ